DSI พบเบาะแสคดีหมูเถื่อน สำแดงเท็จนำเข้าสวมสิทธิ์เป็นหมูไทย

คดีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ ที่ข่าว 3 มิติ เกาะติดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้ได้ความคืบหน้าที่สำคัญอีกขั้นหรือเรียกว่าเป็นจิ๊กซอว์ ที่ขาดไปก็เริ่มชัดขึ้น เพราะจากเดิมที่มีการนำเข้าหมูเถื่อนจากประเทศบราซิล แต่สำแดงเป็นปลาแซลมอล เมื่อมาถึงประเทศไทยก็หายสาปสูญไร้ร่องรอย



วันนี้ดีเอสไอ ไปพบหลักฐานสำคัญว่า หมูเถื่อนรวม 15 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่สำแดงเท็จว่าเป็นปลาแซลมอลนั้น เมื่อขึ้นจากเรือที่ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ถูกส่งไปโรงเชือดหมูที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสวมสิทธิ์เป็นหมูของเกษตรกรไทย จากนั้นก็ส่งเข้าศูนย์กระจายสินค้าของห้างค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ แล้วกระจายไปตามแต่ละจังหวัดอีกครั้ง ดีเอสไอพบว่าเฉพาะ 15 ตู้คอนเทนเนอร์นี้ มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท



ดีเอสไอ พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าค้น 4 จุดเมื่อเช้านี้ เพื่อขยายผลการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศ ที่มีหลักฐานเป็นข้อมูลการขนส่ง และเส้นทางการเงินเชื่อมโยงจากบริษัทผู้สั่งนำเข้าหมูเถื่อน มาถึงโรงเชือดและบริษัทชำแหละเนื้อหมูที่เชียงใหม่



เป้าหมาย 4 จุดนั้น จุดแรก เป็นบริษัทค้าส่งเนื้อหมูรายใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอสันทราย ที่เป็นสำนักงานใหญ่ จุดที่สอง เป็นบริษัทชื่อเดียวกัน แต่เป็นสาขาที่ 4 ในอำเภอสารภี และอีกสองจุดเป็นบ้านพัก ในตำบลป่าต้น และ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง เชียงใหม่



ย้อนกลับไปกลางปีที่แล้ว สมาคมผู้ค้าสุกรแห่งชาติ กรมปศุสัตว์และกรมศุลากร ทยอยแจ้งความต่อดีเอสไอว่ามีการนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศหลายหมื่นตู้คอนเทนเนอร์ สร้างความปั่นป่วนให้ราคาหมูไทยเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท



หลังจากรับเป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีบริษัทเอกชน 9 ราย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการสำแดงเท็จ และลักลอบนำเข้า ระหว่างนั้นได้นำหมายค้น ค้นบริษัทชื่อเวล์ทธี่ แอนด์เฮล์ทธี่ฟู้ด ย่านดอนเมือง ได้เอกสารนับหมื่นแผ่น พร้อมธุรกรรมหลักฐานการนำเข้าหมูเถื่อน ข้อมูลนั้นพบว่า มีบริษัทมายเฮาสต์ เทรดดิ้ง ทำหน้าที่เป็น ชิปปิ้ง สั่งสินค้ามาให้บริษัทเวล์ธี่แอนด์เฮลธี่



ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือนอกจาก 161 ตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ยังพบจำนวนการนำเข้าสินค้าของ 9 บริษัทรวมกันกว่า 2885 ตู้คอนเทนเนอร์ และเฉพาะชื่อบริษัทมาย์เฮาส์ เทรดดิ้ง พบจำนวน 223 ตู้คอนเทนเนอร์



อย่างไรก็ตาม ปริศนาสำคัญคือ จำนวน 223 ตู้นั้นอยู่ที่ใดแน่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบละเอียดก็พบว่าในใบขนนั้น ระบุว่าสินค้าในตู้สัตว์น้ำทะเล จำพวกปลาแซลมอนบ้าง หัวปลาเฮกบ้าง และระบุว่านำไปฝากไว้ที่ห้องเย็นแห่งหนึ่ง ที่จ.สมุทรสาคร



ดีเอสไอ นำหมายศาลไปค้นห้องเย็นที่นี่ ปรากฏว่า ไม่มีการฝากสินค้าตามที่อ้างไว้ในเอกสาร และดีเอสไอก็มีพิรุธว่า เหตุใดปลาแซลมอลหรือสัตว์ทะเล จึงจะนำเข้าจากบราซิล ข้อมูลปลายทางของสินค้าว่าอยู่ที่ใด เป็นปริศนาสำคัญของดีเอสไอก่อนหน้านี้



กระทั่งเมื่อย้อนกลับไปสืบค้นที่ต้นทาง จากท่าเรือและศุลกากรแหลมฉบัง พบข้อมูลว่ามีตู้คอนเทนเนอร์ 15 ตู้ ถูกขนส่งจากท่าเรือมุ่งตรงไปเชียงใหม่ โดยบริษํทเอกชนที่รับจ้างขนส่ง 3 บริษัท เมื่อดีเอสไอ สืบค้นเส้นทางการเงินจากจาก ปปง. ก็พบว่า เงินจากบริษัทผุ้ว่าจ้างนำเข้าคือเวล์ทธี่ แอนด์เฮล์ที่ เชื่อมโยงกับบริษัทปลายทางที่เชียงใหม่นี้มากว่า 100 ล้านบาท นั่นเป็นที่มาของการขอหมายค้น วันนี้



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ ของดีเอสไอ เปิดเผยว่าจิ๊กซอว์หรือเบาะแสสำคัญที่ตามหาส่วนหนึ่ง พบแล้ว นั่นคือพบว่าตู้คอนเทนเนอร์ 15 ตู้ ที่สำแดงว่าเป็นปลา ถูกซื้อมาที่ห้องเย็นที่เชียงใหม่ จากนั้นก็นำเข้าไปตัดแต่งชิ้นเนื้อหมู แล้วถูกขายกลับคืนให้กับบริษัทเวลท์ธี่ จากนั้นหมูที่ตกแต่งเสร็จก็มีสภาพไม่ต่างจากหมูไทย ถูกส่งกลับไปศูนย์กระจายสินค้าห้างค้าปลีกใหญ่ที่กรุงเทพฯและใกล้เคียงเพื่อส่งไปตามห้างต่างๆ



ภาพถ่ายเหล่านี้คือหลักฐานส่วนหนึ่ง ที่พบว่ทั้ง 15 ตู้ที่นำเข้ามาที่นี่ บันทึกไว้ชัดเจนตั้งแต่รถที่ขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ที่ลำเลียงมา หมายเลขตู้ตาม ใบ BL และภาพถ่ายทุกตู้ที่ชัดเจนว่าเป็นหมู ไม่ใช่ปลาแซลมอลตามที่แจ้งไว้ตอนนำเข้า



ตอนนี้ดีเอสไอจะเรียกบริษัทนี้ไปชี้แจงอีกครั้งเพื่อดุว่าเกี่ยวข้องเรื่องนี้ในขั้นตอนใดบ้าง

ตอนนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งขยายผลเต็มที่ รวมถึงการแกะรอยไปถึงประเทศต้นทางทั้งที่ยุโรปและอเมริกาใต้ ที่เป็นต้นทางของหมูเถื่อนเหล่านี้



การตรวจค้นวันนี้มีทั้งหมด 4 จุด ก็จริง แต่จุดสุดท้ายที่เป็นบ้านพัก เคยเป็นจุดที่ผู้เกี่ยวข้องนำเข้าหมู่เถื่อนใช้สำหรับทำงานด้านเอกสาร แต่วันนี้ปรากว่ามีขบวนการพนันออนไลน์มาเช่าเป็นฐานหลอกหลวงต่อ พบซิมโทรศัพท์กว่า 1 หมื่นซิม คอมพิวเตอร์กว่า 20 เครื่องและคนทำงานที่นี่ 14 คน ซึ่งดีเอสไอ ได้ส่งต่อให้ตำรวจจท้องที่เชียงใหม่ ดำเนินคดีแว