ศาลโลกสั่งให้อิสราเอลป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ไม่บอกให้หยุดยิง

เมื่อวานนี้ ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในกรุงเฮก ของเนเธอร์แลนด์ มีการพิพากษาตัดสินคำร้องของแอฟริกาใต้ที่ต้องการให้ศาลโลกออกคำสั่งอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางทหารและตัดสินว่าการกระทำของอิสราเอลเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ เพราะอิสราเอลเป็นหนึ่งในชาติที่ให้สัตยาบันแก่อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติรับรองเมื่อปี พ.ศ. 2491



ในการอ่านคำพิพากษา คณะผู้พิพากษาของศาลโลก 17 คน ได้ออกคำสั่งให้อิสราเอลดำเนินมาตรการป้องกันการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้ตัดสินว่าการกระทำของอิสราเอลเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ ซึ่งทางคณะผู้พิพากษาของศาลโลกระบุว่าการตัดสินใจต้องใช้เวลาในการพิจารณามากกว่านี้ อาจเป็นเวลาหลายปี



นอกจากนี้ แม้ว่าศาลโลกจะไม่ได้ออกคำสั่งให้อิสราเอล ยุติปฏิบัติการทางทหารในทันที ตามที่แอฟริกาใต้ร้องขอ แต่คำตัดสินดังกล่าวถูกมองว่าเป็นชัยชนะของแอฟริกาใต้



โดยรัฐบาลแอฟริกาใต้บอกว่า คำตัดสินของศาลโลกเป็นก้าวสำคัญในการมอบความยุติธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์



ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศของปาเลสไตน์ ออกมาบอกว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นการเตือนว่า “ไม่มีรัฐใดอยู่เหนือกฎหมาย”



ฟากของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูก็ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ได้กล่าวถึงคำตัดสินของศาลโลกโดยตรง โดยบอกเพียงว่า อิสราเอลยังเคารพกฎหมายระหว่างประเทศเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องประเทศด้วยความแน่วแน่ไม่แพ้กัน



นอกจากนี้ ยังพูดถึงข้อกล่าวหาของแอฟริกาใต้ที่บอกว่าอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่แค่เรื่องโกหกเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำที่ทำให้เจ็บแค้นใจด้วย



ทั้งนี้ แม้ว่าคำสั่งของศาลโลกจะมีผลผูกมัดทางกฎหมาย แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับให้อิสราเอลทำตามมากขนาดนั้น ซึ่งหลายฝ่ายก็มองว่าอิสราเอลคงเพิกเฉยกับคำสั่งดังกล่าว



ทั้งนี้ นับตั้งแต่การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเปิดฉากขึ้น จนถึงตอนนี้ ใน 2 ดินแดนมีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วกว่า 27,000 คน ในจำนวนนี้อยู่ในอิสราเอลกว่า 1,300 คน และในฉนวนกาซาอีกกว่า 26,000 คนซึ่ง 70% เป็นผู้หญิงและเด็ก ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสยังคงจับตัวประกันของฝั่งอิสราเอลเอาไว้อีกประมาณ 130 คน