สังคม

เปิดคำพิพากษา 'ไอทีวี' ชนะคดี สปน.บอกเลิกสัญญา ไม่ต้องจ่ายหนี้ 2.8 พันล้าน

โดย panisa_p

25 ม.ค. 2567

49 views

ความเคลื่อนไหวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติกรณีไอทีวี เมื่อวานนี้ว่าบริษัทไอทีวี ไม่มีสิทธิ์ในการประกอบกิจการสื่อมวลชน ตั้งแต่ 7 มีนาคม 2550 วันนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกคำร้องอุทธรณ์ข้อพิพาทของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับ บริษัทไอทีวี ทำให้คดีถึงที่สุด ไม่มีหนี้ต้องชำระต่อกันกว่า 2,890 ล้านบาท ขณะที่นายรัชพล ศิริสาคร เข้ายื่นหนังสือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งรัดคดีหุ้นไอทีวี กรณีบันทึกการประชุมที่อาจเข้าข่ายเรื่องแจ้งความเท็จ ปลอมเอกสาร



วันนี้บริษัท อินทัช และ บริษัท ไอทีวี เผยแพร่เอกสารที่ส่งถึง กรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ถือหุ้นไอทีวี รายงานคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระหว่างบริษัทไอทีวี และสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. กรณีที่ไอทีวีได้ยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2550 เพื่อให้พิจารณาว่าการบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานและ

ดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ UHF ในวันที่ 7 มีนาคม 2550 ของ สปน.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น



ศาลปกครองกลางได้พิพากษายกคำร้องของ สปน. ด้วยเหตุว่าคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งมีผลให้คดีนี้ถึงที่สุด โดยบริษัท และสปน. ต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระต่อกันอีก รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,890,345,205,48 บาท ทั้งนี้ จากผลของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทไม่มีหนี้ ที่ต้องชำระ หรือภาระหน้าที่ หรือความรับผิดตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ หรือภาระผูกพันใดๆ กับ สปน. อีกต่อไป ทั้งนี้ บริษัทจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาทิศทางของไอทีวีต่อไป



ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพจข่าวเดอะรีพอร์ทเตอร์ รายงานว่านายรัชพล ศิริสาคร อาชีพทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งรัดคดีหุ้นไอทีวี หลังเคยแจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 นายรัชพล ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.อนุชิต ชาติชูเหลี่ยม สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้เจ้าหน้าดำเนินคดีกับ นายคิมห์ สิริทวีชัย และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรณีบันทึกการประชุมขัดแย้งกับคลิปวิดีโอ เข้าข่ายแจ้งความเท็จ ปลอมเอกสาร



และจากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า ไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อแล้ว โดยรายงานการประชุมที่ลงไว้ว่าเป็นสื่อ จึงถือว่าเป็นเท็จ และถูกนำไปยื่น กกต. อาจเข้าข่ายว่ามีความผิด จึงให้ช่วยเร่งรัดคดี เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วเชื่อว่าคดีน่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น



นายรัชพล กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ได้เรียกนางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย เข้าไปสอบปากคำ ในฐานะสื่อมวลชนที่ตรวจสอบพบคลิปบันทึกการประชุมไม่ตรงกับเอกสารรายงานการประชุมที่ถูกนำไปเผยแพร่ และประกอบการร้องกับ กกต. ส่วนทาง กกต. ถือเป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงควรให้ความร่วมมือด้วย



สำหรับการยืนยันของนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานกรรมการบริษัทไอทีวี ในฐานะประธานที่ประชุม ว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ จนกว่าผลคดีจะสิ้นสุด มีรายได้จากผลตอบแทนเงินลงทุน และอื่น ๆ เท่านั้น นายรัชพล ระบุว่า ควรเข้าสู่กระบวนการศาล ให้ศาลตัดสิน ว่าคำที่พูดมีความหมายว่าอย่างไร คนทั่วไปฟังก็เชื่อว่ายังประกอบกิจการอยู่



ส่วนระยะเวลาที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสียไปจะสามารถเรียกร้องตามกฎหมายได้อย่างไรนั้น นายรัชพล ระบุว่า นายพิธา ยืนยันว่าไม่ฟ้องกลับ แต่ก็มีสิทธิ์ดำเนินคดี เพราะมีหลายอย่างที่มีพิรุธ ไอทีวีจอดำมานานแล้ว จะฟ้องร้องทำไม ดังนั้น นายพิธาจึงสามารถฟ้องคดีอาญา หรือเรียกค่าเสียหายได้ ก็อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไร

คุณอาจสนใจ

Related News