เลือกตั้งและการเมือง

"สว.สมชาย" มอง "ทักษิณ" รักษาตัวอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่แจ้งป่วยโรคอะไร มองทำเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม

โดย gamonthip_s

10 ม.ค. 2567

498 views

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เปิดเผยกับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงกรณีตรวจสอบการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นครั้งที่ 3 ที่กรมราชทัณฑ์มาชี้แจงกับคณะกรรมการฯ ซึ่งยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษ ตั้งแต่ 1 ต.ค. - 25 ธ.ค. 65 มีนักโทษออกไปใช้การรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ 3,000 กว่าคน แต่ 90% คือไปเช้าเย็นกลับ หรืออย่างมากหากมีการผ่าตัดก็ 1-2 วัน แต่ตัวเลขที่สำคัญคือตัวเลขผู้ป่วยที่ออกไปรักษาเกิน 30 วัน มีเพียงแค่ 100 ราย, เกิน 60 วัน จำนวน 33 ราย และเกิน 120 วันมีแค่ 3 ราย


โดยใน 3 รายที่เกิน 120 วัน ยืนยันว่าเป็น ผู้ป่วยจิตเวช 2 ราย ผู้ป่วยรายแรก รักษาตัว 210 วัน เป็นผู้ป่วยจิตเวชอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก อีกรายคือผู้ป่วย ที่รักษาตัว 578 วัน อยู่ที่สถาบันกัลยาราชนครินทร์ และคนที่ 3 กรมราชทัณฑ์ก็ชี้แจงว่าเป็นนายทักษิณที่เกิน 125 วัน อยู่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ไม่ระบุว่าเป็นโรคอะไร


เมื่อถามว่า จากสถิติ ไม่มีนักโทษคนไหน ที่รักษาตัวนานขนาดนี้ แล้วไม่ได้ป่วยเป็นจิตเวช นายสมชายรับว่า เป็นเรื่องที่แปลก ความจริงไม่อยากไปล้วงลูกว่าคนไข้เป็นอะไร แต่ของคุณทักษิณก็บอกแค่ว่าอยู่ชั้น 14 หนึ่งคนแต่ไม่ได้บอกอาการ


"ปัญหาของคุณทักษิณ คือเรามีข้อมูลไม่มากพอ และได้รับความร่วมมือในทางจำกัดโดยอ้างสิทธิ์คนไข้ไม่ประสงค์ เรื่องนี้คณะกรรมาธิการกำลังศึกษา และหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนว่าสิทธิ์ของผู้ป่วยกับสิทธิ์ของสาธารณะในการรับรู้เราเชื่อว่าสิทธิ์ของสาธารณะในการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องเพื่ออธิบายให้สังคมเห็นว่าความยุติธรรมเสมอภาคเท่าเทียม อย่างที่นายกรัฐมนตรีพูดจริงเรื่องนี้ต้องเปิดเผย" นายสมชายกล่าว


เรื่องนี้กระเทือนต่อความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่าให้เดินตามกฏหมาย เชื่อมั่นในกรมราชทัณฑ์ ความยุติธรรมความเท่าเทียม คำถามคือเท่าเทียมจริงหรือไม่ ถ้าเท่าเทียมจริงนักโทษเหล่านั้นได้มานอนในโรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ ส่วนนึงก็จะหยิบยกเรื่องนี้มาอภิปรายทั่วไปที่วุฒิสภาจะเสนอญัตติ และจะติดตามตรวจสอบผ่านกระทู้แน่ เพราะเป็นเรื่องสาธารณะ


โดยนายสมชาย ยืนยันว่าได้ซักถามในชั้นกรรมาธิการแล้วว่านายทักษิณป่วยเป็นโรคอะไร เพราะเท่าที่ทราบจากข่าว ป่วยอยู่ 4 โรค ซึ่งแพทย์ก็ยืนยันว่าได้รับใบรับรองแพทย์จากต่างประเทศ 4 โรคคือ ความดันสูง, โรคปอดเป็นฝ้าจากโควิด, กระดูกเสื่อม และเส้นเลือดตีบ ซึ่งในชั้นกรรมาธิการ มีอาจารย์หมอทั้งในกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ และกรรมาธิการฯ อื่นมาขอซักถาม ก็ทราบแค่ 4 โรคนี้ ไม่พบว่ามีโรคอื่นอีก ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจไม่เปิดเผย เราจึงไม่ทราบ


เมื่อถามว่า 4 โรคนี้ จำเป็นจะต้องรักษาตัวนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ นายสมชาย ยอมรับว่าผิดปกติที่ส่งตรงจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจเลย ส่วนทำไมไม่ส่งไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน ตนได้รับคำอ้างว่าคนไข้สูงอายุ อาจจะเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ต้องไปตรวจสอบในอนาคต


แต่ที่ติดใจคือตั้งแต่เข้าไปจนปัจจุบัน 130 กว่าวันแล้ว ที่หากเกิน 120 วัน จะต้องอนุมัติโดยรัฐมนตรี จะต้องมีใบความเห็นแพทย์ และเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา กรมราชทัณฑ์ก็ตอบอย่างเดียวว่าเขาไม่มีอำนาจในการนำคนไข้กลับมาที่เรือนจำ ถ้าแพทย์ไม่อนุญาต ขณะที่แพทย์ก็ตอบว่าไม่สามารถบังคับหรือไปบอกว่าให้คนไข้อยู่ที่โรงพยาบาล คือการเกี่ยงกัน ทำให้เห็นเป็นช่องรอด จึงเกิดคำถามในสังคม เป็นกรณีที่ผิดปกติ ซึ่งเชื่อว่าตั้งแต่มีกรมราชทัณฑ์มาไม่มีการไม่ร่วมมือ แต่กลับโทษกันไปโทษกันมาระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับโรงพยาบาลตำรวจงานนี้ต่างคนต่างเกี่ยงกัน 


"สิทธิของผู้ป่วยไม่มีทางอยู่เหนือสิทธิกระบวนการยุติธรรม ต้องรู้ว่าใครทำข้อบกพร่องแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ หรือกรมราชทัณฑ์ เป็นคำถามที่สังคมไทยถามเหมือนกัน และไม่ได้รับคำตอบ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อความเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม ในกรณีนี้กระทบกระเทือนต่อรัฐบาลแน่" นายสมชาย ระบุ


ทั้งนี้ตนได้ขอเอกสาร ไป 3 เรื่อง คือ 1. ความเห็นของผู้บัญชาการเรือนจำที่จะต้องผ่านอธิบดี ตั้งแต่ 30 วัน 90 วัน 120 วัน จะต้องมีใบความเห็นแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคอะไร เราอยากรู้ว่าอาการเป็นอย่างไรทำไมถึงตัดสินใจให้อยู่ตลอดไปเรื่อยเรื่อย


2. การส่งผู้คุมไป 24 ชั่วโมง ที่ในระเบียบจะต้องถ่ายรูปคู่กับนักโทษที่อยู่บนเตียงส่งรายงานทุก 2 ชั่วโมง ต้องนำเอกสารดังกล่าวมาชี้แจงกับกรรมาธิการฯด้วย


3. ขอข้อมูลตั้งแต่ปี 2563 กรณีนักโทษที่ขอออกไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำ

คุณอาจสนใจ

Related News