เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' มั่นใจ คดีแก้ ม.112 ไม่ถึงขั้นยุบก้าวไกล - 'ศาล รธน.' นัดฟังคำวินิจฉัย 'พิธาถือหุ้นไอทีวี' 24 ม.ค.67

โดย nattachat_c

21 ธ.ค. 2566

81 views

วานนี้  (20 ธ.ค. 66)  เวลา 08.30 น. สภาผู้แทนราษฎรจัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลำดับที่ 10


ภายหลังเสร็จพิธี สส.ของพรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่ง รวมถึงข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ร่วมในพิธีดังกล่าว ได้ร่วมแสดงความยินดี  แต่เป็นที่สังเกตว่า พิธีเมื่อวานนี้ ไม่ได้มี สส.พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมพิธีและแสดงความยินดีด้วยแต่อย่างใด


หลังจากนั้น นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวภายหลังพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่าหลังจากนี้พรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค จะมีการพูดคุยกันเพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกันในฐานะฝ่ายค้าน ยืนยันว่าพรรคฝ่ายค้านจะทำงานอย่างเต็มที่อย่างที่ประชาชนคาดหวังและไว้วางใจ จะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารโดยยึดเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง ตรงไปตรงมา


ในขณะเดียวกันฝ่ายค้านและฝ่ายบริหารรวมถึง สส.ฝ่ายรัฐบาลยังสามารถร่วมมือกันผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายและการผลักดันวาระต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกันตลอดไป  โดยหวังว่าหลังจากนี้กระบวนการนิติบัญญัติในสภาจะเข้มข้นมากขึ้น

-----------

นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์  ในฐานะประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีที่ สส.ประชาธิปัตย์ ไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับนายชัยธวัช ตุลาธน ที่ได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า


เนื่องจากได้รับแจ้ง ตอนเข้าประชุมวิฝ่ายค้าน ช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค. โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ ประธานวิปฝ่ายค้าน บอกว่า ถ้าว่างให้เชิญมาร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งตนก็ได้ขอโทษ ไปแล้วว่า สส. ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด และเดินทางมาในพื้นที่กรุงเทพฯแล้ว จึงไม่ได้เตรียมชุดขาวปกติ เพื่อมาร่วมในพิธี


แต่อย่างไรก็ตาม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการนัดพูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านอยู่แล้ว จึงจะใช้โอกาสดังกล่าวในการแสดงความยินดี

-----------

วานนี้  (20 ธ.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการต่อสู้ในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง หลังมีความพยายามเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า


ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมพร้อม และส่งเอกสารชี้แจง เพื่อประกอบการไต่สวน ในวันที่ 25 ธ.ค. นี้  ตนเชื่อว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่เป็นความผิดตามคำร้อง แต่ต้องรอและหวังว่าเมื่อไต่สวนแล้ว หากไม่มีการไต่สวนเพิ่ม ศาลจะนัดวินิจฉัยในช่วงปลายเดือน ม.ค. หรือ ต้น ก.พ.67


“ผมไม่กังวลว่าจะไปถึงการยุบพรรค เพราะคดีนี้เป็นการร้องให้ยุติการกระทำ ไม่สามารถไปไกลถึงเรื่องยุบพรรคได้ ทั้งนี้พรรคต่อสู้เต็มที่ เพราะการเสนอร่างกฎหมายใดๆ ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ เพราะกระบวนการทางนิติบัญญัติมีกรอบชัดเจนว่า ไม่สามารถขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้” นายชัยธวัช กล่าว


นายชัยธวัช กล่าวย้ำด้วยว่า ในกระบวนการตรวจสอบความขอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น สามารถเกิดได้ทั้งก่อน หรือหลังประกาศใช้โดยศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การเสนอร่างกฎหมาย เพื่อแก้ไขกฎหมายใด ไม่เฉพาะมาตรา 112 ในกระบวนการทางนิติบัญญัติไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ด้วยตัวของร่างกฎหมายนั้น ๆ

-------------

วานนี้ (20 ธ.ค. 66) เวลา 11.30น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการเข้ารับการไต่สวน กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนในคดีถือหุ้นไอทีวี ซึ่งใช้เวลาการไต่สวน 2 ชั่วโมงเต็ม


โดยนายพิธา มีสีหน้ายิ้มแย้มโบกมือทักทายบรรดาแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด หลังการไต่สวนแต่อย่างใด


นายพิธา กล่าวว่า การไต่สวน เป็นไปตามที่ได้คาดหวังไว้  รู้สึกพอใจในกระบวนการ  ศาลได้ไต่สวนถึงข้อเท็จจริงที่ได้ตั้งใจไว้ทุกประการ  แต่ในรายละเอียดคงให้สัมภาษณ์ไม่ได้  เพราะถือเป็นการละเมิดศาล แต่จากข้อเท็จจริงที่สื่อได้นำเสนอเกี่ยวกับการยุตติการประกอบกิจการสื่อของไอทีวี หรือในเรื่องที่เกี่ยวกับสถานะการเป็นผู้จัดการมรดกของตนเอง ก็ได้รับการไต่สวนครบถ้วน


ซึ่งในการไต่สวน  นอกจากมีฝ่ายผู้ร้อง คือ กกต. แล้ว ยังมีนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี มาร่วมด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถประเมินน้ำหนัก ระหว่างฝั่งของตนเองกับฝั่งผู้ร้อง จะมีน้ำหนักอย่างไร นายพิธากล่าวว่าไม่สามารถประเมินได้ เพราะจะถือเป็นการชี้นำ ละเมิดศาล แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือรู้สึกพอใจ หลังจากนี้ก็รอวันที่ศาลนัดฟังคำวินิจฉัย ตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ หลังการไต่สวน นายพิธากล่าวว่า มั่นใจเหมือนเดิม ตั้งแต่ก่อนเข้ารับการไต่สวน หลังการไต่สวนก็มั่นใจว่าได้ทำหน้าที่ผู้ถูกร้องอย่างเต็มที่แล้ว และไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม ถ้าคำพิพากษาเป็นคุณ ก็หวังว่าจะได้กลับไปรับใช้ประชาชนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป


นายพิธา ยังเปิดเผยว่า ได้ยืนยันกับศาลว่าการถือหุ้นไอทีวี เป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก และได้มีการสละเจตนามรดกไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรคอนาคตใหม่ และมีการปันทรัพย์มรดกกัน แต่ไม่สามารถตอบไปมากกว่านี้ได้


ซึ่งหลักฐานในส่วนการเป็นผู้จัดการมรดก  มาจากคำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นหลักฐานการปันทรัพย์ ซึ่งมี Digital timestamp มีการส่งข้อมูลทางระบบดิจิตอลที่สามารถยืนยันได้ว่าไฟล์ข้อมูลดังกล่าวส่งเมื่อไหร่ รวมถึงแสตมป์อากร ที่ได้นำมาชี้แจงด้วย


ส่วนประเด็นที่มีการกังวลว่าไอทีวี ยังสามารถประกอบกิจการสื่อได้นั้น เรื่องนี้ ถามประธานคิมน่าจะเหมาะสมมากกว่า แต่ ตามเอกสารไอทีวีได้ยุตติการประกอบกิจการ ไปตั้งแต่ปี2550 คลื่นก็ไปอยู่กับไทยพีบีเอสแล้ว และไม่ได้มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการสื่อ ดังนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิมยังมีเรื่องของคดีความและใบอนุญาตที่ได้มีการสอบถามไปทาง กสทช. แล้ว ไม่มี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการไต่สวนยังมีมวลชน กลุ่มแฟนคลับ ของนายพิธา มารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และตะโกน เรียก นายกพิธา บางส่วนถือไมโครโฟนเขียนข้อความว่า ITV และเรียกร้องขอสัมภาษณ์ ตัวแทนฝั่ง กกต. ด้วย ว่า ITV ยังเป็นสื่อหรือไม่ บางคนบอกด้วยว่า อยากออกช่อง ITV

-----------

วานนี้  (20 ธ.ค.66) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า  ศาลได้ไต่สวนพยานในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา101(6)ประกอบมาตรา98(3) หรือไม่ จากกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ


โดยศาลรัฐธรรมนูญ ไต่สวนพยานรวม 3 ปาก คือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. / นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานการประชุมผู้ถือหุ้น ITV  ตอบข้อซักถามของศาลและของคู่กรณี  คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน ศาลนัดฟังคำวินิจฉัย ในวันพุธที่ 24 มกราคม 2567 เวลา 14.00 น.


ส่วนคดีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 กรณีที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่...)พ.ศ...เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่


เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.66)  ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อเตรียมการไต่สวนในวันจันทร์ที่ 25 ธ.ค.เวลา 9.30 น.

-----------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/-j53RncMh2A

คุณอาจสนใจ

Related News