"บิ๊กโจ๊ก" สั่ง ผบช.ภ.2 ฟันวินัย อดีต ผกก.พัทยา ปล่อยผู้ต้องหาซื้อบริการเด็ก

จากกรณีช่อง DW documentory ของเยอรมนี นำเสนอสารคดีข่าวเกี่ยวกับการค้าบริการเด็ก ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ประเทศไทย โดยระบุว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมัน 2 คน ในข้อหาซื้อบริการเด็ก แต่สุดท้ายทั้งคู่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยเป็นเงินกว่าล้านบาท เพื่อหลบหนีเดินทางออกนอกประเทศสำเร็จ

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงปีก่อน โดยเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เข้าจับสถานบริการในพื้นที่เมืองพัทยา พบมีการค้าประเวณีเด็ก รวม 8 คน โดยเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ส่วนเจ้าของร้าน เป็นชาวอังกฤษและหญิงชาวไทย ซึ่งได้ดำเนินคดีฐานร่วมกันค้ามนุษย์ไปแล้ว นอกจากนี้ ยังขยายผลถึงผู้ใช้บริการ ในจำนวนนั้น เป็นชาวเยอรมัน ตำรวจได้ออกหมายจับและติดตามจับกุมได้เช่นกัน

แต่ยอมรับว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น มาจากความบกพร่องของผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ระบุไว้ว่า เมื่อมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวต่างชาติ หลังพนักงานสอบสวน และอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว จะต้องรายงานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอเพิกถอนวีซ่า กรณีที่ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ผู้ต้องหาจะไม่สามารถพักอาศัยในประเทศไทยได้ แต่จะต้องถูกควบคุมตัวในห้องกักของสำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง จนกว่าจะขึ้นศาล และจะต้องแจ้งไปยังกองการต่างประเทศ เพื่อแจ้งรายละเอียดการดำเนินคดีไปยังสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย

นอกจากนี้ เมื่อพนักงานสอบสวน นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง กลับไม่คัดค้านการประกันตัว ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง อีกทั้งผู้ต้องหา เป็นชาวต่างชาติ มีความเสี่ยงที่จะหลบหนี ทำให้ในเวลาต่อมา เมื่อศาลให้อนุญาตให้ประกัน แม้ศาลจะมีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ แต่ผู้ต้องหา ไม่ได้ถูกคุมตัวไว้ในห้องกักตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น กลับออกมาอยู่ในที่พัก และหาทนายความ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาล ขอกลับไปทำธุระที่ประเทศเยอรมนี เมื่อศาลอนุญาต และแจ้งไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงปล่อยให้เดินทางออกนอกประเทศไป

ดังนั้น ความบกพร่องเริ่มแรก เกิดจากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และพนักงานสอบสวน (ในขณะนั้น) ที่ไม่แจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองการต่างประเทศ ทราบ จนเป็นเหตุให้ไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ในห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และยังไม่คัดค้านการประกันตัว

เบื้องต้น เข้าข่ายผิดวินัย เพราะเกิดความเสียหายทั้งในระดับองค์กร และประเทศชาติ จึงสั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้พิจารณาว่า เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตรวจสอบว่าการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยหรือไม่ เนื่องจากในสารคดีต่างประเทศระบุว่า มีการจ่ายเงินให้ตำรวจก้อนใหญ่ โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะมีการเข้าไปหารือร่วมกับผู้ช่วยทูตตำรวจเยอรมัน วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ เพื่อขอให้สอบปากคำผู้ต้องหาที่อยู่ในประเทศเยอรมนี ว่ามีการจ่ายเงินให้กับบุคคลใด นอกจากนี้ จะมีการประสานตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดง ส่งไปยังเยอรมนี ช่วยตามจับผู้ต้องหา เนื่องจากมีการหลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว