เลือกตั้งและการเมือง

'โรม-ราเมศ' รุมอัด 'อนุสรณ์' หลังแขวะ กม.นิรโทษกรรมก้าวไกล - ไล่ 'ชวน' ไปแก้ปัญหาในพรรค

โดย nattachat_c

28 พ.ย. 2566

15 views

วานนี้  (27 พ.ย.66)  นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ต่อกรณี นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายพูดคุยเรื่องแนวทางนิรโทษกรรมกับอดีตพระพุทธอิสระ ในทำนองว่าการนิรโทษกรรมควรเป็นการดำเนินการเพื่อทุกคนทุกฝ่าย ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หรือทำเพื่อพวกพ้องของตัวเอง    


นายรังสิมันต์  ระบุว่า  การที่พรรคก้าวไกลเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ก็เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านมา  รวมถึงการใช้นิติสงครามในกฎหมายหลายฉบับ เพื่อจำกัดการแสดงออกของประชาชน กลายเป็นปัญหารากฐานสำคัญ ที่ทำให้การเมืองของประเทศไม่สามารถเดินต่อได้ การนิรโทษกรรมโดยมีการหารือร่วมกับตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ  ทั้งฝั่งการเมือง ฝั่งราชการ  คือ กระบวนการที่จะนำไปสู่การสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนทั้งที่กำลังถูกดำเนินคดี ถูกดำเนินคดีไปแล้ว และยังไม่ถูกดำเนินคดีแต่มีแนวโน้มจะถูกดำเนินคดี


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า  ถ้าดูเนื้อหาสาระทั้งหมดของร่างฯ จะเห็นได้ว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติให้กับใครทั้งนั้น  แต่ต้องการทำให้กฎหมายสามารถธำรงความยุติธรรมให้กับทุกคน ในความเป็นจริงคนที่จะได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมไม่จำกัดอยู่แค่คนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนที่เข้าเงื่อนไขล้วนมีสิทธิได้รับการนิรโทษกรรม แม้แต่คนของพรรคเพื่อไทยเอง ที่วันนี้หลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนชั้น 14 หลายคนถูกดำเนินคดีกลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งน่าเสียดายที่เรายังไม่เคยได้เห็นพรรคเพื่อไทยเองออกมาเคลื่อนไหวปกป้องหรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนเหล่านี้


“มีคนเดียวที่เหมือนจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด คือคนที่อยู่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ การนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลเป็นการเลือกปฏิบัติตรงไหน ผลของกฎหมายนี้ถ้าผลักดันสำเร็จ คือการคืนความเป็นธรรมให้คนรุ่นใหม่ คนเสื้อแดง ผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งหมด ไม่เหมือนการเลือกปฏิบัติให้อดีตนายกรัฐมนตรีหรือการเป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองเพื่อใครคนใดคนหนึ่งเสียหน่อย” นายรังสิมันต์กล่าว


นายรังสิมันต์  ยังกล่าวว่า  การกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลสร้างการเลือกปฏิบัติไม่เป็นความจริง และเป็นการใส่ร้ายทางการเมือง ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อนุสรณ์เป็นถึง สส. สิ่งที่ควรจะทำก่อนมาพูดออกสื่อคือการไปดูเนื้อหาสาระของร่างกฎหมาย ถ้าไม่รู้ก็ไม่ควรพูด ถ้าจะพูดก็ควรไปดูร่างฯ และถ้าได้ไปดูมาแล้วก็จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ได้พูดออกมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น

--------------

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาเตือนนายเศรษฐาว่าเป็นนักการเมืองมือใหม่ต้องระมัดระวังคำพูด กรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการและผู้กำกับการใหม่ว่า นายเศรษฐาได้ชี้แจงชัดแล้วว่าไม่มีอำนาจในการแทรกแซง ไม่เคยก้าวก่ายกรณีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ข้อเท็จจริงที่ได้หารือกันในที่ประชุมพรรค พท.วันนั้นคือ การสะท้อนปัญหาในพื้นที่ ทั้งเรื่องหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด เรื่องยาเสพติด ที่อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน รวมถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่าเรื่องตั๋วไม่มีอยู่จริง นายกรัฐมนตรีหรือ ส.ส.คนไหนไม่เคยมาฝากอะไรทั้งนั้น


“ดังนั้น ก่อนออกมาเสนอแนะนายกรัฐมนตรี นายชวนควรทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหาให้ชัด ความจริงปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีมากมาย ควรเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาในพรรคก่อนจะดีกว่าหรือไม่ หากนายชวนจะนำเอาประสบการณ์ความรู้ความสามารถที่มีไปแก้ปัญหาให้พรรคประชาธิปัตย์ ให้มีหัวหน้าพรรค มีกรรมการบริหารพรรคให้ได้โดยเร็ว น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า” นายอนุสรณ์กล่าว

--------------

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) พาดพิงนายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา กรณีเตือนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า นายอนุสรณ์ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลปัจจุบัน การรับฟังความเห็นต่างด้วยเหตุและผลเป็นสิ่งที่ควรทำ หลายเรื่องที่นายเศรษฐา ทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง คำท้วงติงจากทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายค้านด้วย คือเสียงที่ต้องรับฟัง สมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่าดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก


นายราเมศกล่าวต่อว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจหลักฐานชัดเจน เกิดจากคำพูดของ นายเศรษฐาเอง เมื่อเกิดความผิดพลาดก็ควรยอมรับการตรวจสอบ ประชาชนเข้าใจสาระในคำพูดทั้งหมดว่านายกรัฐมนตรีพูดหมายความว่าอย่างไร มีแต่สมุนนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการตรวจสอบกันต่อไป ถ้านายเศรษฐาบอกว่าไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะลาออกอย่าให้ใครมาคอยสั่งการอยู่ข้างหลัง และขณะนี้ไม่มีใครมองว่านายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงอยู่แล้ว


นายราเมศกล่าวต่อว่า นายชวน เป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย ประธานสภามา 2 สมัย มีประสบการณ์ และการให้ความคิดความเห็นอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ดำรงตนในทางการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จนเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคยทุจริต ไม่เคยหนีคดี เพราะฉะนั้นควรรับฟังและอย่าดิ้น แล้วนำไปโยงกับการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่านายชวนควรเอาเวลาไปแก้ปัญหาในพรรคก่อน ซึ่งนักการเมืองที่คิดด้วยตรรกะเช่นนี้ไม่ถูกต้อง และควรรู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครสั่งซ้ายหันขวาหัน หรือจะมาสั่งให้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ เพราะฉะนั้นควรแยกให้ออกคิดให้เป็น ประชาธิปัตย์ไม่มีใครเป็นเจ้าของ การแข่งขันกันเป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตยภายในพรรค


“ประชาธิปัตย์ไม่มีหัวหน้าโจรคอยสั่งการ นักการเมืองที่ดีจะไม่ไปก้าวก่ายการดำเนินกิจการภายในของพรรคอื่นควรจะมีมารยาท พรรคเพื่อไทยเลือกหัวหน้าพรรคได้ลูกสาวคุณทักษิณมาเป็นหัวหน้าพรรคเราก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในไม่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย แต่ท้ายที่สุดในทางการเมืองบทพิสูจน์คือภาคปฏิบัติในการทำหน้าที่ วันหนึ่งถ้าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นผู้บริหารบ้านเมือง สังคมก็จะเฝ้าดูว่าจะมีคดีทุจริตเหมือนคุณพ่อ จะต้องหนีคดีเหมือนอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ ก็เท่านั้น ถ้าทำดีก็ถือว่าเป็นข้อแตกต่างจากตระกูลก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์” นายราเมศกล่าว


นายราเมศกล่าวต่อว่า นายอนุสรณ์ เป็น ส.ส. ประชาชนฝากการบ้านมาว่า คุณช่วยตั้งกระทู้ถามสดในสภาถามนายกรัฐมนตรีให้ตอบด้วยว่า กรณีการควบคุมตัวนักโทษที่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะนี้ยังใช้กฎหมาย ระเบียบ เดียวกับนักโทษคนอื่นหรือไม่ หรือว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ อาการป่วยของนายทักษิณ ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย ระเบียบ ของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ขอให้นายกรัฐมนตรีตอบในรายละเอียด เชื่อว่าหากนายอนุสรณ์ทำจะเกิดประโยชน์อย่างแน่นอน

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ZFd6wWrzozc


คุณอาจสนใจ

Related News