เศรษฐกิจ

ก.คลัง จ่อขอ ธ.พาณิชย์ ร่วมมือลดหนี้ให้ลูกหนี้ - ปีหน้าเตรียมช้อป ลดภาษีสูงสุดหนึ่งหมื่น

โดย nattachat_c

27 พ.ย. 2566

102 views

วันที่ 26 พฤศจิกายน นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้ความสำคัญกับการแก้หนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ โดยนายกฯเตรียมแถลงเรื่องแก้หนี้นอกระบบ ในวันอังคารที่ 28 พ.ย.นี้ ส่วนหนี้ในระบบแถลงอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในระบบ และนอกระบบ และบูรณาการทำงานร่วมกัน เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนจะเกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

นางรัดเกล้ากล่าวว่า ด้านกระทรวงการคลังที่ได้ดำเนินการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างเต็มที่ได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้กับประชาชนรายย่อยในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม มีการบูรณาการหลายหน่วยงาน เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง โดยกระทรวงมหาดไทยเปิดรับลงทะเบียนช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป



“นายกฯย้ำเสมอว่า รัฐบาลนี้ทำงานอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา และเข้าใจความลำบากของพี่น้องประชาชนในการลดค่าใช้จ่าย ตนเองจึงมั่นใจว่าการแก้ไขปัญหานี้จะเกิดขึ้นโดยเร็ว อีกทั้งจากการได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชน ก็เห็นด้วยและสนับสนุนการแก้หนี้ทั้งระบบ ประชาชนจะได้ไม่ต้องไปจ่ายดอกเบี้ยที่แพงเกิน และทำให้อยู่ดีกินดี” นางรัดเกล้ากล่าว 

------------

วันที่ 26 พฤศจิกายน นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมแถลงเรื่องแก้หนี้นอกระบบในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ และหนี้ในระบบวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในและนอกระบบและบูรณาการทำงานร่วมกัน เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนจะเกิดผลสำเร็จโดยเร็ว โดยกระทรวงการคลังได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้กับประชาชนรายย่อยในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม กระทรวงมหาดไทยจะเปิดลงทะเบียนช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป


นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งสรุปพิจารณามาตรการสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยมาตรการที่ออกมาจะช่วยเหลือทั้งลูกหนี้ในระบบและนอกระบบ จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐหรือแบงก์รัฐเข้ามาร่วม ส่วนธนาคารพาณิชย์จะใช้แนวทางการขอความร่วมมือ


นายลวรณ กล่าวว่า สำหรับมาตรการในการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ กระทรวงการคลังจะพยายามเปิดช่องทางให้ลูกหนี้นอกระบบได้เข้ามาอยู่ในระบบให้มากขึ้น ให้แบงก์รัฐเป็นหน่วยงานเปิดรับลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขให้ลูกหนี้กลุ่มนี้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากที่สุด


“หน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหานอกระบบนี้ จะเป็นหน่วยงานฝ่ายปกครอง เช่น กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนในทุกพื้นที่มากที่สุด เมื่อหน่วยงานดังกล่าวสามารถเข้าไปปิดช่องปัญหาหนี้นอกระบบได้แล้ว กระทรวงการคลังจะเป็นหน่วยงานเสริมที่จะทำให้ลูกหนี้มีช่องทางในการเข้าถึงแหล่งทุนได้มากที่สุด” นายลวรณกล่าว


นายลวรณ กล่าวว่า ขณะที่มาตรการในการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ กระทรวงการคลังจะขอความร่วมมือไปยังแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์เข้าไปช่วยลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ เบื้องต้น ต้องประเมินสถานะของลูกหนี้ในปัจจุบัน ประสบปัญหาด้านใด ไม่ว่าจะเป็นมูลหนี้ที่มีปริมาณมาก หรืออัตราดอกเบี้ยระดับสูง หากพบว่าปัญหานั้นๆ เป็นปัจจัยให้การแก้ไขหนี้ได้ล่าช้า ก็จะเข้าไปแก้ในจุดนั้น เป็นต้น


นายลวรณกล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะใช้ช่องทางของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เช่น นาโนไฟแนนซ์ และพิโกไฟแนนซ์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ให้เปิดช่องทางหรือผ่อนปรนการเข้าถึงสินเชื่อให้แก่ประชาชนรายย่อยให้มากขึ้น ปัจจุบันรายย่อยส่วนใหญ่ใช้ช่องทางในการเข้าถึงแหล่งทุนจากผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้

-------------

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่าถูกโดนด่าอยู่คนเดียวว่าทำงานล่าช้าจากกรณีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยที่กระทรวงการคลังยังไม่ส่งเรื่องมาสอบถาม ว่า ต้องขอโทษคณะกรรมกฤษฎีกา ที่การให้สัมภาษณ์ของตนทำให้เกิดความไม่เข้าใจและกระทบการทำงานของคณะกรรมการกฤษฎีกา และเป็นไปตามที่นายปกรณ์พูด ตนพูดว่าในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลชุดใหญ่ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย โดยสาระสำคัญที่ตนตอบวันนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่บอกว่าถ้ายังมีความไม่ชัดเจนหรือความไม่สบายใจต้องรับผิดชอบร่วมกัน และกฤษฎีกาอาสาไปดูข้อกฎหมายว่ามีอะไรที่ผิดหรือไม่ผิด และที่ประชุมก็เห็นด้วยที่ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปดู สิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์หมายความว่าให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปดู และรับทราบแล้ว


“ผมไม่ได้หมายความไปถึงเรื่องเอกสารรายละเอียด จึงต้องขอโทษที่ทำให้ทัวร์ไปลงท่าน จริงๆ ท่านปรารถนาดีที่จะช่วยเราคิดช่วยเราทำและอยากให้ทุกคนสบายใจในการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ เสียงที่คัดค้านหรือเห็นต่างก็พยายามทำให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้เกิดความสบายใจ” นายภูมิธรรมกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าที่สุดแล้วผลที่ออกมาหลังจากผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ทุกคนจะสบายใจ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องยืนยันข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร จึงจะมาพิจารณากัน หากต้องการให้หมดข้อสงสัยต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดู เมื่อมีการตีความชัดเจนแล้วทุกคนจะสบายใจ เพราะที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลได้พิจารณาและมีมติออกมา ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบและรับทราบสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดความสบายใจกันทุกฝ่าย


เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการยกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทางปฏิบัติเขาดำเนินการอยู่ อย่าเพิ่งไปถึงรายละเอียด ขั้นตอนตอนนี้เราอยากให้รู้ว่าไปได้และทุกคนสบายใจว่าสิ่งที่รัฐบาลเลือกทำไม่ผิดวัตถุประสงค์และดำเนินการได้ตามสิ่งที่เราจะทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

-------------

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนรัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว ไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน โครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนเพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าผิด หรือแค่หาทางลงนั้น ไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งใจทำตามสัญญา หัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามายาวนาน ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย พยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ

-------------

โครงการ Easy e-receipt (ชื่อเดิม e-Refund) วันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 2567


ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ต้องชำระภาษี เมื่อใช้สอยในวงเงิน 50,000 บาท กับร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษี ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุด 10,000 บาท

-------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/y7R6q5MyPmQ



คุณอาจสนใจ

Related News