เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' เยือนปารีส คุย 'มาครง' ช่วยเจรจาฟรีวีซาเชงเก้น - แลกเบอร์ตรงไว้หารือ
โดย nattachat_c
17 พ.ค. 2567
97 views
วานนี้ 16 พ.ค. 67 เวลา 07.10 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยาน Orly กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และเตรียมตัวจะเข้าร่วม และกล่าวปาฐกถาในงาน Thailand – France Business Forum ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนไทยและฝรั่งเศส ซึ่งเกิดขึ้นจากการผลักดันของนายกรัฐมนตรีและนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
โดย นายเศรษฐา ได้นำผ้าขาวม้ามาพันคอ ซึ่งเป็น 'ผ้าลายอย่าง' ที่เป็นลาย 'เพ็ชรราชวัตร' ถอดลายมาจากผ้าลายอย่างของอินเดียที่ใช้ห่อคัมภีร์ที่วัดลาด กว่าจะมาเป็นลายนี้ได้ ศูนย์วิจัยสิงขร-มะริดศึกษา ได้วิจัย สืบค้นประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยอยุธยา พร้อมทั้งวางลายผ้า หาคู่สีใหม่ จนออกมาเป็น 'ผ้าลายอย่าง ที่นอกจากจะสวยทั้งสี และลาย ยังสะท้อนถึงความเป็นมาของเพชรบุรีได้เป็นอย่างดี
ในตอนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาในงาน Thailand - France Business Forum
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกล่าวว่า ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคยุโรปที่นายกรัฐมนตรีเยือนอย่างเป็นทางการ และในครั้งนี้ถือเป็นการเยือนครั้งที่ 2 ในช่วงเวลา 3 เดือน สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ ไทยถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 3 ของฝรั่งเศสในอาเซียน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ในการนำของรัฐบาลไทยจะเป็นพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสในภูมิภาคได้ ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศมีความร่วมมือที่แข็งแกร่ง
ในส่วนของความร่วมมือระดับประชาชน มีคนไทยราว 3 หมื่นคน อาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส และมีชาวฝรั่งเศสราว 4 หมื่นคน อาศัยในประเทศไทย และไทยถือว่าเป็นประเทศลำดับ 2 ในเอเชียที่มี expats
โดยส่วนของการท่องเที่ยว ปี 2566 ชาวฝรั่งเศสเดินทางไปไทยราว 2 แสน 7 หมื่นคน และมีนักท่องเที่ยวไทยไปฝรั่งเศสเกือบ 2 แสนคน
และ รัฐบาลไทยเพิ่งเปิดตัววิสัยทัศน์ 'IGNITE THAILAND' เพื่อยกระดับไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลกใน 8 ภาคส่วน ได้แก่
- การท่องเที่ยว
- การแพทย์และสุขภาพ
- อาหารและเกษตรกรรม
- การบิน
- การขนส่ง
- การผลิตยานยนต์แห่งอนาคต
- เศรษฐกิจดิจิทัล
- การเงิน
ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ นำเสนอศักยภาพมากมายสำหรับภาคเอกชนฝรั่งเศส ที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย
----------------
เวลา 15:30 ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงท่าอากาศยานออนลี เปิดเผย ภายหลังหารือกับ เอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ว่า
การเดินทางกลับมาฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นเพราะผลจากการเยือน เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ที่สัญญาไว้ว่าจะพานักธุรกิจไทยมาหารือเพื่อสานความสัมพันธ์ ซึ่งได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การทำ FTA ซึ่งยอมรับว่า มีหลายเรื่องที่มีคงามซับซ้อน ซึ่งผู้แทนการค้าไทย มีแนวคิด ทำ FTA เป็นส่วน ๆ ไป เช่น การทำรถยนต์อีวีแยกออกมา ที่จะส่งส่วนประกอบจากโรงงานในไทย เข้ามาฝรั่งเศษ ซึ่งประธานธิบดีฝรั่งเศส รับปาก และเห็นด้วยกับแนวคิดนี้
ในขณะที่ การเจรจา วีซาฟรีในกลุ่มเชงเก้น มาครง ยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนประเทศไทย ซึ่งมาครงขอให้ผ่านช่วงการเลือกตั้งสภายุโรป ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ไปก่อน แล้วจะมีการหารือเรื่องนี้อีกครั้ง คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
ภายหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกับคณะแล้ว นายกรัฐมนตรีเปอดเผย ด้วยว่า ยังมีโอกาส ได้หารือ กับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นการส่วนตัว 2 ต่อ2 เป็นการพูดคุยเชิงลึก โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ช่วงเดือนกันยายนนี้ จะนำนักธุรกิจของฝรั่งเศส ไปร่วมประชุมในการประชุมประเทศไทย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เล่าถึงบรรยากาศ การพูดคุย ที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ เพราะระหว่างการพูดคุย นายมาครง ได้เชิญสตรีหมายเลข1ของฝรั่งเศส เข้ามาแนะนำด้วย ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เข้ามาด้วยชุดสีแดง เมื่อแนะนำตัวเสร็จ ก็กลับออกไป ตนจึงได้หารือกับนายมาครงต่อ ถึงเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 ประเทศ และ ได้มีการแลกเบอร์โทรศัพท์ไว้สื่อสารกัน
อย่างไรก็ตาม มาครง ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี กับ นายฮุนมาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดังนั้นในอนาคตอาจมีการสร้างกลุ่ม ขึ้นมาพูดคุยกันด้วย
----------------
ใน งาน Thailand - France Business Forum นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การขนส่ง (Logistics) รัฐบาลมีเป้าหมายผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับภูมิภาคอื่น ๆ โดยมี Mega Project อย่างโครงการ Landbridge เชื่อมโยงเส้นทางการค้า และการขนส่ง จากมหาสมุทรแปซิฟิก เข้ากับมหาสมุทรอินเดีย และเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะเพิ่มความเชื่อมโยงด้านคมนาคมทั้งทางบกและทะเลกับภูมิภาคอื่น ๆ มากขึ้น
2. การบิน (Aviation) รัฐบาลต้องการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน ทั้งผู้โดยสารและสินค้า ผ่านการเร่งดำเนินแผนการสร้างสนามบินใหม่ และปรับปรุงสนามบินเดิม พร้อมวางแผนพัฒนาการซ่อมบำรุงอากาศยาน (Aviation Maintenance, Repair and Overhaul: MRO) ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินอย่างเต็มรูปแบบ โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ฝรั่งเศสใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้
3. ดิจิทัล ไทยมีอินเทอร์เน็ต 5G ที่ครอบคลุม และโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ประกอบกับชาวไทยมีการใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลจำนวนมาก รวมถึงการชำระเงินทางโทรศัพท์กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งเหล่านี้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่จะผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค ความสำเร็จของโครงการเหล่านี้สามารถทำให้ไทยกลายเป็นประตูสู่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์อินโด - แปซิฟิกของฝรั่งเศส
---------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/sor95XcbX5s