อิสราเอลปัดโจมตีโรงพยาบาลในกาซา - ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ชุมนุมประท้วงใหญ่

กองทัพอิสราเอลปฏิเสธ หลังถูกกล่าวหาว่ายิงปืนใส่โรงพยาบาลอัล-ชีฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา แต่ยอมรับว่า มีการสู้รบกับนักรบของฮามาสในพื้นที่รอบโรงพยาบาลจริง


ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขของฮามาสในฉนวนกาซา กล่าวหาว่าอิสราเอลทำการทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลอย่างหนักหน่วง แถมส่งมือปืนสไนเปอร์ขึ้นไปบนอาคารใกล้เคียง และยิงใส่โรงพยาบาลหลายครั้ง จนทำให้แพทย์และคนด้านในไม่สามารถอพยพได้


ล่าสุด กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยบอกว่าทหารของอิสราเอลไม่ได้ยิงปืนเข้าไปข้างในและไม่ได้ปิดล้อมโรงพยาบาล ผู้คนข้างในโรงพยาบาลยังคงสามารถอพยพได้อย่างปลอดภัย แต่ถึงกระนั้น อิสราเอลยอมรับว่า มีการปะทะกันระหว่างทหารอิสราเอลกับนักรบของฮามาส รอบโรงพยาบาลจริง


แพทย์ของโรงพยาบาลอัล-ชีฟา เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์ในโรงพยาบาลแห่งนี้กำลังวิกฤตอย่างมาก เพราะขาดแคลนน้ำ, อาหาร และไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังถูกอิสราเอลถล่มอย่างต่อเนื่องนานกว่า 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ได้อพยพออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว แต่ยังมีผู้ป่วยเหลืออยู่อีกประมาณ 500 คน


ล่าสุด พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกของกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ ประกาศว่าอิสราเอลได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยอพยพเด็กทารก 37 คน ออกจากแผนกกุมารเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ไปยังโรงพยาบาลอื่นที่มีความปลอดภัยมากกว่า ในวันนี้ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นที่ใด


ส่วนฝั่งฮามาส เมื่อวานนี้ เปิดเผยว่าสามารถทำลายเป้าหมายของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้มากกว่า 160 จุด รวมถึงยานพาหนะกว่า 25 คัน อย่างไรก็ตาม กองทัพอิสราเอลเผยว่า ตอนนี้ฮามาสสูญเสียการควบคุมพื้นที่ทางเหนือของกาซาไปเป็นที่เรียบร้อย


ด้าน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีทหารของอิสราเอลเสียชีวิตจากการสู้รบอย่างน้อย 5 นาย ทำให้ตอนนี้ อิสราเอลสูญเสียทหารไปแล้ว 46 นาย ตั้งแต่เปิดปฏิบัติการภาคพื้นดิน นอกจากนี้ เนทันยาฮู ยังเน้นย้ำอีกว่า อิสราเอลจะเข้าไปควบคุมดูแลเรื่องความมั่นคงในฉนวนกาซา โดยไม่กำหนดกรอบระยะเวลา


ส่วนความคืบหน้าเรื่องตัวประกัน ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ของอิสราเอลรายงานว่า มีความคืบหน้าเรื่องการเจรจาปล่อยตัวประกัน โดยบอกว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่เป็นเด็ก, ผู้หญิง และคนชรา 50-100 คน แลกกับอิสราเอลหยุดยิง 3-5 วัน และปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ออกจากเรือนจำ รวมถึงเปิดทางให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในกาซา


ในเรื่องนี้ เนทันยาฮู กล่าวว่า เขาจะยังไม่พูดถึงข้อตกลงที่จะเป็นไปได้ เมื่อทุกอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เขาจะออกมาประกาศให้รับทราบเอง แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น การนิ่งเงียบน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า


ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการสู้รบในฉนวนกาซาทันที หลังการประชุมสุดยอดของสันนิบาตอาหรับ และองค์การความร่วมมืออิสลาม (Arab League and the Organisation of Islamic Cooperation) ที่กรุงริยาด ของซาอุดิอาระเบีย


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังประณามการกระทำของอิสราเอลว่า ป่าเถื่อน แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีมติเห็นชอบออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและการเมืองต่ออิสราเอลจากสงครามที่กำลังเกิดขึ้น


////


ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์กว่า 3 แสนคน ออกมาชุมนุมประท้วงใหญ่ในกรุงลอนดอน เมื่อวานนี้ มีการปะทะกับผู้ชุมนุมอีกฝ่าย และมีคนถูกจับกว่า 120 คน


เมื่อวานนี้ ผู้ชุมนุมราว 3 แสนคน เดินขบวนไปตามท้องถนนในกรุงลอนดอน เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีฉนวนกาซา นับเป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งแต่การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเปิดฉากขึ้น


อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นวันสงบศึก (Armistice Day) หรือ วันครบรอบการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังมีการชุมุนมของกลุ่มขวาจัด ที่ออกมารวมตัวต่อต้านการชุมนุมของผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ด้วย


ต่อมา สถานการณ์เริ่มทวีความตึงเครียดและรุนแรง ตำรวจพยายามเข้าไปขัดขวางกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายขวาจัดไม่ให้เข้าไปปะทะกับผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ จนเกิดความวุ่นวายและมีคนถูกจับกุมอย่างน้อย 126 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุมฝ่ายขวาจัด ซึ่งมีการพกอาวุธ เช่น มีดและสนับมือด้วย


อย่างไรก็ดี ในฝั่งผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ ก็มีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง ประมาณ 150 คน สวมผ้าปิดบังใบหน้า แยกตัวออกมาจากการเดินขบวนหลัก ก่อเหตุความวุ่นวายด้วยการจุดพลุไฟ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ จนมีบางคนถูกจับกุม


นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ของอังกฤษ ออกมาประณามเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น และกล่าวโจมตีผู้ชุมนุมที่แสดงความเห็นอกเห็นใจกลุ่มฮามาส ด้วยการตะโกนข้อความต่อต้านชาวยิว และโบกธงกับเสื้อผ้าของกลุ่มฮามาส และว่าผู้กระทำความผิดสมควรได้รับโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด


ทั้งนี้ ความตึงเครียดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยังไม่มีการชุมนุม เนื่องจากนางซูเอลลา บราเวอร์แมน (Suella Braverman) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ กล่าวตำหนิการชุมนุมของผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ ว่าเป็นการเดินขบวนสร้างความเกลียดชัง ที่นำโดยกลุ่มม็อบ และร้องขอให้ตำรวจขัดขวางการชุมนุม


อย่างไรก็ดี ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน ปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าว โดยบอกว่า การชุมนุมไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าจะเกิดความรุนแรง


ขณะเดียวกันที่สเปน ผู้ชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ พยายามบุกเข้าไปในสถานีรถไฟบาร์เซโลนา ฟรันโก (Barcelona Franca) ระหว่างการเดินขบวนประท้วงในเมืองบาร์เซโลนา เมื่อวานนี้


เจ้าหน้าที่ต้องปิดประตูสถานีและกันผู้ชุมนุมไม่ให้เข้าไปข้างใน แต่ผู้ชุมนุมก็พยายามดันประตูเข้าไปข้างใน ส่งผลให้ตำรวจต้องใช้โล่ และกระบองโจมตีผู้ชุมนุม


สุดท้ายแล้ว ผู้ชุมนุมก็สามารถเข้าไปภายในสถานีรถไฟได้ พวกเขารวมตัวประท้วงอยู่ด้านใน ถือป้ายพร้อมกับตะโกนข้อความต่อต้านอิสราเอล และเรียกร้องอิสรภาพให้กับปาเลสไตน์ หลังจากการเจรจา ในอีกประมาณ 1 ชั่วโมงถัดมา ผู้ชุมนุมก็ยินยอมที่จะสลายตัวออกจากสถานี