‘ลุงพล-ป้าแต๋น’ เผชิญหน้า ‘แม่น้องชมพู่’ ฟังศาลแจ้งเลื่อนพิจารณาเป็น 20 ธ.ค.66

‘ลุงพล-ป้าแต๋น’ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เผชิญหน้า ‘แม่น้องชมพู่’ เพื่อฟังการแจ้งเลื่อนการพิจารณาของศาล นัด 20 ธ.ค. 66

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ต.ค. 2566) ศาลจังหวัดมุกดาหารได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น จำเลยที่ 1-2 กรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จากเดิม 10.00 น.ของวันนี้ออกไป เนื่องจากกระบวนการตรวจร่างคำพิพากษายังไม่แล้วเสร็จ แต่คู่ความทั้ง 2 ฝั่ง ยังต้องมาฟังการแจ้งเลื่อนการพิจารณาของศาลว่าจะนัดเป็นวันที่เท่าไร ซึ่งคู่ความจะเดินทางมาหรือไม่มาก็ได้ แต่ปรากฏว่าวันนี้ทั้ง 2 ฝั่ง ต่างเดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเอง

เวลา 08.55 น. พ่อและแม่ของน้องชมพู่ เดินทางออกจากรีสอร์ทในอำเภอเมืองมุกดาหาร ทั้งคู่ได้สวมเสื้อสีขาวเหมือนกัน จากการสังเกตสีหน้าไม่ได้มีความกังวลใจอะไร ก่อนทั้งคู่จะขับรถไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งได้นัดพบเจอกับทนายความส่วนตัว ใช้เวลาพูดคุยกันอยู่ประมาณ 20 นาที จากนั้นพ่อแม่ของน้องชมพู่ และทนายความ พากันเดินทางไปที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร

แม้ศาลจะเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่เองก็ไม่ได้มีความกังวลใจ เพราะนี่เป็นเพียงการเลื่อนอ่านคำพิพากษาเท่านั้นไม่ใช่การยกฟ้อง คดีของน้องชมพู่เองก็ต่อสู้คดีมานานกว่า 3 ปี 5 เดือน กว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ก็ใช้เวลาเป็นปี นอกจากนี้ยังมีการสืบพยานในชั้นศาลนานเป็นปีอีกเช่นกัน

ส่วนการกำหนดวันในการอ่านคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะเป็นวันไหนนั้น ก็ต้องรอให้ศาลท่านเป็นคนกำหนด

สื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักรอกันที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมพื้นที่ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพบริเวณหน้าศาล

ต่อมาเวลา 9.36 น. แม่ของน้องชมพู่ เดินทางมาถึงศาลจังหวัดมุกดาหาร พร้อมทนายความ ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปที่ศาลคุณแม่มีอาการยิ้มแย้ม ไม่มีความกังกลใดๆ

จากนั้นเวลา 9.47 น. ลุงพล ป้าแต๋น พร้อมทีมทนายความลุงพล ได้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดมุกดาหาร

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า คู่ความออกมาจากห้องพิจารณาคดีแล้ว ศาลนัดอีกครั้งวันที่ 20 ธ.ค. 2566 คดีนี้ลุงพลเป็นจำเลยที่ 1 ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร, ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ ส่วน น.ส.สมพร จำเลยที่ 2 ตามความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/DiL0aGv6ZU4