สังคม
หนุ่มร้อง ตร.คีย์เลขบัตรปชช. สลับผู้ต้องหา จนถูกไล่ออกจากงาน ทวงถาม ตร.บอก "ขอโทษ คีย์เลขผิด"
โดย petchpawee_k
19 ต.ค. 2566
1.1K views
หนุ่มร้องสายไหมต้องรอด หลัง จนท.คีย์เลขบัตร ปชช. สลับกับผู้ก่อเหตุคดีลักทรัพย์ - บริษัทตรวจพบมีประวัติคดีในสารระบบ ถูกไล่ออกจากงานก่อนผ่านโปร 1 วัน – ถาม ตร. บอก “ขอโทษ คีย์เลขผิด”
วานนี้ (18 ต.ค.66) เวลา 16.30 น. นายสมชัย) อายุ 48 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านบางปะอิน ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอง หลังจากไปแจ้งความของหาย พร้อมอ้างว่า จนท.คีย์ข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนสลับกับผู้ก่อเหตุคดีลักทรัพย์ตัวจริง จนทำให้มีคดีติดตัวในสารระบบ ได้รับผลกระทบถูกบริษัทไล่ออกจากงาน เบื้องทีมข่าวสังเกตุดูเลขบัตรประจำตัวประชาชนของทั้ง 2 คน พบว่า ไม่มีความใกล้เคียงกันเลย
ต่อมานายสมชัย เล่าว่า เมื่อเดือน มี.ค. ปี 64 มีนักศึกษาฝึกงานขณะนั้นอายุ 19 ปี มาฝึกงานที่บริษัท จากนั้นเด็กฝึกงานคนนี้ได้ขโมยของบริษัทไปซึ่งเป็น CPU จำนวน 23 ตัว และ RAM จำนวน 19 ตัว รวมมูลค่า 249,170 บาทแล้วก็หนีไป ตนจึงได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของบริษัทให้ไปแจ้งความเอาผิดกับนักศึกษารายนี้ ที่สภ.บางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากแจ้งความเสร็จก็กลับไปทำงานตามปกติ
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ และมีการทำบันทึกข้อตกลง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลงนามที่ สภ.บางปะอิน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 64 ที่ผ่านมา ระหว่างตัวแทนบริษัทและผู้ก่อเหตุตัวจริง ซึ่งศาลตัดสินว่าผู้ก่อเหตุตัวจริง มีความผิดฐาน หลักทรัพย์และรอลงอาญา 2 ปี นอกจากนี้ยังมีการสั่งให้ชดเชยเงินทั้งหมดคืนให้แก่บริษัท
จากนั้นตนก็ลาออกจากบริษัทเดิม และมาเข้างานที่บริษัทใหม่ ก็มีการตรวจประวัติอาชญากร ก็ไม่พบประวัติ กระทั่งวันที่ 10 ตุลาคม 66 ตนมาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี และอีก 1 วันจะผ่านโปร ทางบริษัทจึงตรวจสอบประวัติอาชญากร และประวัติยาเสพติด โดยคีย์เลขบัตรประชาชน ซึ่งตนก็มั่นใจเลยว่าไม่มีประวัติแน่นอน ก่อนจะพบว่ามีประวัติคดีลักทรัพย์ ซึ่งตนเองก็ปฏิเสธไปว่าไม่เคยก่อคดีที่ไหน และไม่เคยไปขโมยของใคร แต่บริษัทไม่ฟัง ก่อนไล่ตนเองออกจากงานทันที
ต่อมาจึงไปติดต่อ ที่ สภ.บางปะอิน เพราะอยากรู้ว่า ทำไมตนเองจึงมีประวัติถูกแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ปรากฎว่า เป็นการทำงานผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีที่ตนเองไปแจ้งความข้อหาลักทรัพย์กับเด็กฝึกงานที่ขโมยของบริษัทในปี2564
โดยพนักงานสอบสวนที่อยู่ที่ สภ.บางปะอิน ตอบมาว่า “ขอโทษ” ก่อนจะบอกว่า “อ่อ สลับเลข คีย์เลขผิด” และได้ย้อนถามกลับไปว่า “ผิดแล้ว ต้องทำยังไง แล้วผมละ ผมไม่เคยทำผิด ไม่เคยมีคดีลักทรัพย์ อยู่ดีๆต้องมีคดีเหรอ แล้วใครจะรับผิดชอบ” แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ เจ้าตัวยังบอกว่า คนที่ขอโทษไม่ใช่พนักงานสอบสวนคนที่เป็นเจ้าของคดี เพราะปัจจุบันได้ย้ายไปแล้ว และทราบว่าคนที่คีย์ข้อมูลเป็นผู้กองที่คีย์ลงระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตนเองไม่ได้เจอผู้กองรายนี้
นายสมชัย ยังระบุว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบประวัติที่ สภ.บางปะอินแล้วขึ้นเพียงว่าเป็นผู้เสียหาย แต่ไปตรวจสอบประวัติอาชญากรยังคงพบว่ามีประวัติลักทรัพย์อยู่ ทั้งหมดทั้งมวลต้นมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรม ส่งผลกระทบต่อชีวิต หลักๆคือไร้งานและขาดรายได้ ทุกวันนี้ตนไปหาสมัครงานทำ หวังว่าจะได้งานใหม่ และอยากได้ความยุติธรรมของตัวเองกลับขึ้นมาด้วยเพราะไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด
ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า ผู้เสียหายรายนี้ถูกตราหน้าไปแล้ว และตกงานไปแล้ ตนมองว่า สภ.บางปะอิน ต้องรับผิดชอบ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเยียวยาผู้เสียหายรายนี้ และขอฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนของกองทะเบียนประวัติอาชญากรแก้ไขประวัติให้ แม้ว่าทาง สภ.บางปะอิน ไม่พบประวัติแล้ว แต่ในสารระบบยังพบอยู่ ซี่งเป็นข้อมูลคนละส่วนกัน
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/eR9UW_jzI1g
แท็กที่เกี่ยวข้อง สายไหมต้องรอด ,คีย์ข้อมูล