ชายร้องขอความเป็นธรรม ตำรวจคีย์เลขบัตรประชาชนสลับกับคนร้าย จนถูกบริษัทไล่ออก

ชายวัย 48 ปี ร้องขอความเป็นธรรม ถูกบริษัทไล่ออก เนื่องจากมีประวัติอาชญากร ก่อนตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พิมพ์ข้อมูลเลขบัตรประชาชน สลับกับของผู้ก่อเหตุกระทำความผิด

โดย ชายผู้เสียหาย เปิดใจกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2564 มีนักศึกษาคนหนึ่งมาฝึกงาน ขณะก่อเหตุอายุ 19 ปี ได้ขโมยของบริษัท เป็น CPU 23 ชิ้น และ RAM 19 ตัว รวมมูลค่ากว่า 249,170 บาท แล้วหลบหนีไป ก่อนนำไปโพสต์ขายทางออนไลน์

ตนเองจึงได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของบริษัท ให้ไปแจ้งความเอาผิดกับนักศึกษาคนดังกล่าว ที่ สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่หลังจากแจ้งความเสร็จ ตนก็กลับมาทำงานตามปกติ ซึ่งต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ และมีการทำบันทึกข้อตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งลงนามที่ สภ.บางปะอิน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 64 ระหว่างตัวแทนบริษัทและผู้ก่อเหตุตัวจริง และคดีที่ชั้นศาล รอลงอาญา 2 ปี และชดใช้เงิน

ต่อมา ตนได้ลาออกจากบริษัท และสมัครเข้างานที่บริษัทใหม่ มีการตรวจประวัติอาชญากร ก็ไม่พบประวัติ กระทั่งวันที่ 10 ตุลาคม 66 ตนมาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี และอีก 1 วันจะผ่านโปร ทางบริษัทจึงตรวจสอบประวัติอาชญากร โดยคีย์เลขบัตรประชาชนว่ามีประวัติคดีลักทรัพย์ ซึ่งตนเองก็ปฏิเสธไปว่าไม่เคยก่อคดีที่ไหน และไม่เคยไปขโมยของใคร แต่บริษัทไม่ฟัง ก่อนไล่ตนเองออกจากงานทันที

ตนจึงไปติดต่อ ที่ สภ.บางปะอิน เพราะอยากรู้ว่าทำไมจึงมีประวัติถูกแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ปรากฏว่า เป็นการทำงานผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีที่ตนเองไปแจ้งความข้อหาลักทรัพย์กับเด็กฝึกงานที่ขโมยของบริษัทในปี 2564

โดยพนักงานสอบสวนที่อยู่ สภ.บางปะอิน ตอบมาว่า “ขอโทษ” คีย์เลขผิด แต่คนที่ขอโทษไม่ใช่พนักงานสอบสวนที่เป็นเจ้าของคดี เพราะปัจจุบันได้ย้ายไปแล้ว และทราบว่า คนที่คีย์ข้อมูลเป็นผู้กองที่คีย์ลงระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตนเองไม่ได้เจอผู้กองรายนี้

จากการสังเกตเลขบัตรของทั้ง 2 คน ไม่ได้มีความใกล้เคียงกันเลย ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร วันนี้ตนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้เข้ามาช่วยเหลือ และอยากให้ช่วยหาทางออก เนื่องจากตอนนี้ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับทำงาน

เบื้องต้น ทางโรงพักได้ลบประวัติของทางโรงพักไปแล้ว แต่ตนเองต้องประสานกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะหากคีย์ในระบบ ยังคงขึ้นในกองทะเบียนประวัติอาชญากรอยู่