สังคม

กลุ่มคนไทยพื้นที่ทางเหนืออิสราเอล เริ่มทยอยเดินทางกลับประเทศไทย

โดย taweelap_b

10 ต.ค. 2566

97 views

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 66 ทีมข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยกับนายสิทธิบดี ทิศกระโทก ชาวจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในแรงงานไทยที่ทำงานในสวนมะม่วง ที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล และเดินทางกลับมาจาก ไฟล์ตบิน LY081  ที่เดินทางมาจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ทันทีที่มาถึงได้เข้าไปสวมกอดคุณแม่วัย 68 ปี ครอบครัว และหลานที่มารอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ


นายสิทธิบดี เล่าให้ฟังว่า ตนทำงานอยู่ที่อิสราเอล มาครบ 5 ปี หมดสัญญาพอดี จึงเดินทางกลับมา ซึ่งจากที่สังเกตในไฟล์ตเดียวกัน มีคนไทยกลับมาประมาณ 10 คน ส่วนของตนที่อยู่ทางภาคเหนือไม่ได้รับผลกระทบจากภัยสงครามที่เกิดขึ้น เนื่องจากพื้นที่ที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ความขัดแย้ง และยังมีทหารของประเทศอิสราเอล ดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา ที่สวนที่ตนทำงานก็มีแรงงานไทยอยู่ด้วย ประมาณ 7 คน และแม้จะอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุ แต่นายจ้างก็จะเตือนเสมอ ๆ และมีจะบังเกอร์ให้หลบภัย


ในส่วนที่ตนเดินทางกลับมา ตนสังเกตเห็นว่าภายในสนามบินที่เมืองเทลอาวีฟ ที่ตนกลับมาทุกอย่างก็ยังเป็นปกติ มีเครื่องบินโดยสารบินพาณิชย์บินออกมาได้ จึงไม่มั่นใจว่ามีการปิดน่านฟ้าอย่างที่มีข่าวนำเสนอออกไปหรือไม่ ส่วนกลุ่มเพื่อนแรงงานของที่เดินทางไปด้วยกันเมื่อ 5 ปีก่อน กระจัดกระจายไปทำงานในหลายพื้นที่ ทั้งภาคกลาง


"วันนี้รู้สึกดีใจ ที่ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย ได้มาพบกับญาติญาติ ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ไปทำงาน ผ่านการจัดหางานของกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่าไปโดยถูกกฎหมาย และไปทำงานได้ค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้กับนายจ้างตกเดือนละ 5300 นิวเชเกลอิสราเอล หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 - 50,000 บาท" นายสิทธิบดี แรงงานไทย กล่าว 


ขณะที่ภรรยาของนายสิทธิบดี กล่าวว่า ตนดีใจที่สามีกลับมา ตอนแรกที่ได้ยินข่าวรู้สึกวิตกกังวล แม้จะทราบดีว่าจุดเกิดเหตุอยู่ที่บริเวณทางตอนใต้ และสามีตนอยู่ทางตอนเหนือ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ตนโทรศัพท์หาสามีทุกวัน โดยเฉพาะวันเกิดเหตุ ตนรีบโทรหาสามี พ่อสามีรับสายและบอกว่าปลอดภัย ตนรู้สึกเบาใจมาก ๆ 


ขณะที่พี่สาวนายสิทธิบดี ระบุว่า ตนรู้สึกดีใจที่น้องชายได้กลับมาประเทศไทย เพราะหลังจากเห็นข่าวว่าก็เป็นห่วงมาก ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ก็ติดต่อกับน้องชายตลอด แม้กระทั่งล่าสุดที่มีข่าวความไม่สงบเกิดขึ้น ก็ยังติดต่อกับน้องชาย และนับวันรอที่จะได้เดินทางกลับมา ตนยอมรับว่า การที่น้องชายได้เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอล ถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญของครอบครัวที่สามารถส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวและปลดหนี้สินได้ แต่หลังจากนี้ไม่อยากให้น้องชายเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอีก อยากให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยด้วยกัน

คุณอาจสนใจ

Related News