อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยกู้วงจรปิดเกือบสมบูรณ์ ยันมีหมายจับเพิ่มแน่ เรียกสติตำรวจพูดความจริง

โดย chutikan_o

12 ก.ย. 2566

66 views

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผยกู้วงจรปิดเกือบสมบูรณ์ ยันมีหมายจับเพิ่มแน่ เป็นตำรวจหรือพลเรือนรอหลักฐานจากภาพวงจรปิด พร้อมเรียกสติตำรวจพูดความจริง อย่าปกป้องคนร้าย หลัง ‘ผกก.เบิ้ม’ เสียชีวิตเพิ่ม

เวลา 12.00 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงค์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นายถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากกู้สำเร็จจะไม่นำมาเปิดเผย เนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะขยายผลไปถึงประเด็นอื่นๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนกว่า มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาค 7 เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน  รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่โอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม  ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวนที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่า ผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากจุดที่ศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่พบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะตั้งเวลาหรือสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าวยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาค 7 เชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้ว 1 บาดเจ็บ 1 และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ (11 ก.ย. 2566) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

คุณอาจสนใจ

Related News