สังคม

'จุลพันธ์' ยันแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านบล็อกเชน ไม่ใช่แอปฯเป๋าตัง

โดย parichat_p

7 ก.ย. 2566

97 views

กรณีนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ท 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในสังคม เพราะในขณะนี้มีข่าวลือออกมาว่า เงิน10,000 บาท ที่จะแจกนั้น จะไม่ได้แจกทีเดียว แต่จะแจกแบบ แบ่งจ่ายเป็นงวด เช่น งวดละ 2,500 - 3,000 บาท แถมยังมีข่าวว่าจะมีการแจกเงินผ่านแอปพลิเคชั่น กระเป๋าตัง เพื่อความรวดเร็ว ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยถึงความชัดเจนของนโยบายนี้


ล่าสุดวันนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอว่า กรณีที่มีข่าวว่าอาจจะโอนเงินดิจิทัล 10,000 บาทเข้าแอปพลิเคชั่นกระเป๋าตังนั้น ไม่เป็นความจริงตามที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าเทคโนโลยีเบื้องหลัง จะใช้ บล็อกเชน อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่ายังมีเรื่องที่จะต้องกลับไปแก้ไขคือเรื่องแอปพลิเคชั่นอยู่ในส่วนนี้จึงยังต้องใช้เวลา ซึ่งคาดหมายไว้ว่าจะไม่เกินช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมกันนี้นายกฯก็ได้แถลงข่าวไปแล้วว่าเป็นช่วง วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2567


กลไกนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งลงลึกถึงระดับชุมชนเพราะด้วยขอบเขตการใช้จ่าย 4 กิโลเมตร  จึงจำเป็นต้องใช้ บล็อกเชน เพราะจะมีเขียนใน Smart contract ของ บล็อกเชนว่า  จะสามารถใช้ระยะรัศมีเท่าไหร่ ตรงรายละเอียดเหล่านี้จะเป็นกลไกในการล็อกและมีความจำเป็นและจะทำให้เศรฐกิจในชุมชนเกิดการหมุนเวียน เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า ทำให้เศรฐกิจของพี่น้องประชาชนเกิดการกระจายตัวและกระจายความมั่งคั่งให้ไปทั่วประเทศ


พร้อมยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ที่สำคัญเทคโนโลยี บล็อกเชน สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ มีความโปร่งใส ในอนาคตสามารถอัพเกรดเป็น P2P Lending (การกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลผ่านแพลตฟอร์มโดยไม่ผ่านตัวกลาง) และจะสามารถต่อยอดไปเป็นซุเปอร์แอฟที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลได้อีกด้วย


โดยรัฐบาลเล็งเห็นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในเรื่องของดิจทัลที่เติบโตไปหลายเท่าตัวและเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจภาคอื่นๆอย่างมหาศาล หากประเทศไทยต้วมเตี้ยมตามไม่ทันจะเสียโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเราควรที่จะเตรียมความพร้อมในการเติบโตทางด้านดิจิทัลเช่นกัน


ปัญหาคือพอเป็นบล็อกเชนแล้วจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือไม่ ในส่วนนี้นายจุลพันธ์มองว่า ยอมรับและเข้าใจในมุมมองของผู้ที่สงสัย แต่ในกลไกการเดินหน้าครั้งนี้มีการวางเป้าหลายอย่าง ทั้งเรื่องการส่งเงินดิจิทัลให้ถึงมือประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องการพัฒนาทำเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งทั้งสองส่วนนี้มีความขัดแย้งกันในเรื่องของกรอบเวลา แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้เกิดความลงตัวที่สุดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทุกอย่างที่ตั้งไว้มากที่สุด อย่างน้อยก็เปรียบเสมือนเป็นการวางพื้นฐานเพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเข้มแข็ง อาจจะไม่ได้จบภายในเฟสแรก แต่จะสามารถต่อยอดไปสู่จุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ได้


ส่วนความคืบหน้าของนโยบายนายจุลพันธ์กล่าวว่าในช่วง  3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางนายกฯได้เรียกประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานด้วยกัน เพราะนโนบายดิจิทัลวอลเล็ทเป็นสิ่งที่นายกฯมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จและมอบเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อที่จะสร้างกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยกันได้อีกครั้ง พร้อมเตรียมที่จะแถลงความคืบหน้า 1 กระตุ้น 3 เร่ง 3 สร้าง สำหรับ 1 กระตุ้นจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลเตรียมเร่งดำเนินการก่อน ซึ่งก็คือดิจิทัล วอลเล็ท 10,000 บาท เพราะวันนี้ทางรัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ พอเศรษฐกิจดีขึ้นจะสามารถประกอบนโยบายเร่งด่วนอื่นๆได้และจะสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นต่อไปได้


แต่ก็ยังมีคำถามว่าจะต้องกู้เงินมาก่อนหรือไม่เพราะนโยบายนี้ต้องใช้งบประมาณถึง 5.6 แสนล้านบาท นายจุลพันธ์กล่าวว่าตอนนี้ได้พูดคุยกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งทุกคนเห็นความจำเป็นของนโยบายนี้ ส่วนรายละเอียดข้อกฎหมายยังต้องรอข้อสรุป ส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้าจะเข้ามาประกอบต้องอยู่ในพื้นฐานวินัยทางการเงินการคลัง จะไม่ให้กระทบความมั่นคงสถาบันการเงินและประเทศและไม่เป็นหนี้ต่อสาธารณะอย่างแน่นอน โครงการนี้ไฟแนนซ์ด้วยตัวเองหมายความว่าเป็นการนำเงินตัวเองมาหมุนตัวเอง โดยผ่านกลไลการหมุนรอบเศรษฐกิจสามารถเก็บภาษีเข้ารัฐได้ส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งจะใส่งบประมาณปกติเข้าไปในการดำเนินโครงการ นั่นคือเป้าหมายหลักที่ทางรัฐบาลวางแผนไว้


กรณีที่มีคนถามว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะต้องลงทะเบียนหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนก็สามารถรับเงินได้ เพียงแค่เป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปที่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก จะได้รับสิทธิ์ทุกคน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับเงินดิจิทัลขั้นต่ำประมาณ 50 ล้านคน ส่วนเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีสมาร์ตโฟนเมื่อได้รับเงินเข้าบัญชีแล้ว ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่กำลังจะออก ซึ่งแอปฯ นี้ จะผูกกับบัตรประชาชน เวลาใช้เงินให้เปิด Qr Code เพื่อสแกนจ่ายกับร้านค้าที่ต้องการซื้อของ


ในส่วนของร้านค้านายจุลพันธ์กล่าวต่อว่าไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนร้านค้าก็สามารถรับเงินได้ แต่จะต้องเป็นร้านที่มีฐานการเสียภาษี ส่วนร้านค้าที่ไม่มีฐานการเสียภาษีจะไม่สามารถขึ้นเงินได้ แต่ยังสามารถนำเงินดิจจิทัลที่ได้มาไปใช้สอยต่อได้ไม่มีปัญหา เพราะตราบใดที่เงินดิจิทัลยังอยู่ในมือ เงินดิจิทัลก็ยังถูกล็อกใน รัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตขึ้น


นายจุลพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่าอยากเห็นการใช้เงินดิจิทัลในแง่ของการผลิต เช่น อาจจะรวมเงินกันในชุมชนเพื่อนำมาซื้อเครื่องจักรเพื่อการเกษตรมาใช้ในหมู่บ้านแล้วมาแชร์กันในการใช้ประโยชน์ร่วมกัน สิ่งนี้ก็จะสามารถสร้างความหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในชุมชนได้


เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่ามีประชาชนตั้งคำถามว่าถ้าหากต้องการซื้อสินค้า แต่ร้านค้าไม่ได้อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร ทำให้ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ทได้  หรือประชาชนรวมตัวกัน 10 คน ก็จะได้เงิน 100,000 และต้องการนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ทางการเกษตร แต่ในพื้นที่ 4 กิโลเมตร ไม่มีร้านขายเครื่องจักรตรงนี้จะแก้ไขอย่างไร นายจุลพันธ์กล่าวว่าในส่วนที่รัศมีเกินกว่า 4 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของโครงการนี้ ก็อาจจะต้องใช้เป็นเงินสดแทน เพราะว่าในอนาคตประชาชนจะมีกระเป๋าเงิน 2 ชนิด ซึ่งก็คือ กระเป๋าเงินสด และ กระเป๋าดิจิทัล ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนวางแผนการใช้เงินมาก่อนแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วง


ส่วนโมเดลทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้คือ จะมีการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4 รอบ ซึ่งจะเท่ากับมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจถึง  2 ล้านล้านบาท ส่วนปัญหาเงินเฟ้อนายจุลพันธ์มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และเชื่อว่าจะอยู่ในกรอบที่รัฐบาลดูแลได้ เพราะเมื่อเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจประชาชนจะมีรายได้มากขึ้นก็จะสามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้อย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอความคืบหน้าของโครงการนี้ต่อไปเพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังเป็นปัญหาและยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

คุณอาจสนใจ

Related News