สังคม

หญิงโร่แจ้งความ หลังถูกมิจฉาชีพขอเซ้งร้านสะดวกซัก ก่อนหลอกสูญเงินกว่า 3 หมื่นบาท

โดย parichat_p

3 ก.ย. 2566

193 views

สาวร้องถูกมิจฉาชีพ ทำทีมาขอเซ้งร้านสะดวกซัก ก่อนออกอุบายว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือได้ถูกกว่าท้องตลาด ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 3 หมื่นบาท และถูกนำเอกสารเซ้งร้านไปด้วย หวั่นคนร้ายเอาไปใช้แอบอ้าง และหลอกผู้อื่น


เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 โพสต์ภาพ และข้อความ กรณีของหญิงสาวเจ้าของร้านสะดวกซักแห่งหนึ่ง ถูกมิจฉาชีพทำทีเป็นลูกค้าอ้างว่าจะเข้ามาซื้อกิจการ ก่อนหลอกขายโทรศัพท์มือถือ และหลอกเงินผู้เสียหายไปกว่า 30,000 บาท


ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านสะดวกซัก และพูดคุยกับเจ้าของร้าน ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา


โดยคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อสีม่วง เข้ามาที่ร้าน ก่อนทำทีติดต่อพูดคุยกับแม่บ้านของร้านประจำสาขานี้ โดยอ้างว่าต้องการจะเข้ามารับช่วงกิจการเซ้งร้านต่อจากเจ้าของ และขอเบอร์ติดต่อมายังตนเอง


ซึ่งเมื่อมีการพูดคุยกัน ยังได้เข้าไปตรวจสอบ ที่บริเวณหลังร้าน ผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะใช้พื้นที่หลังร้านเป็นที่เก็บสต๊อกในการทำธุรกิจค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือ ตนเองยังสังเกตเห็นว่าตลอดการสนทนาระหว่างแม่บ้าน และตนเองผู้ก่อเหตุรายนี้จะทำท่าทีเหมือนไม่ว่างตลอดมีโทรศัพท์เรียกเข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอยู่หลายสายซึ่งทุกสายผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีการวางโทรศัพท์และเปิด ลำโพงออกเพื่อให้ตนเองและคู่สนทนาที่คนร้ายกำลังเจรจาอยู่ได้ยินถึงการพูดคุยในเชิงธุรกิจนี้


ผู้ก่อเหตุยังเคยอ้างกับตนเองในช่วงการสนทนาว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้ สามารถหาซื้อสินค้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาพิเศษได้กว่าท้องตลาด


จนสุดท้ายเมื่อมีการเจรจา และตรวจดูเอกสารกันเป็นที่เรียบร้อย วันรุ่งขึ้น คือวันที่ 2 กันยายน ผู้ก่อเหตุได้นัดหมายให้ตนเองไปเจอที่ห้างสรรพสินค้าย่าน พระราม 9 เพื่อทำการเซ็นเอกสารการเซ้งร้าน และพูดคุยเรื่องการชำระเงินค่าเซ้งมูลค่ากว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท


เมื่อมาถึงคนร้ายทำทีตรวจสอบเอกสารก่อนจะมีการพูดคุยอ้างว่าในวันนี้มีความจำเป็นต้องเดินทางมาที่นี่ เพราะมีการทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับซื้อโทรศัพท์มือถือกว่า 500 เครื่อง ก่อนออกอุบาย ถามตนว่าสนใจหรือไม่ ซึ่งราคาโทรศัพท์มือถือถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 10,000 บาท ตนเองจึงหลงเชื่อ และตกลงทซื้อโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยผู้ก่อเหตุให้จ่ายเงินมัดจำเป็นจำนวนเงินเครื่องละ 10,000 บาท รวม 30,000 บาท และพอรับโทรศัพท์ ก็ค่อยชำระส่วนต่างที่เหลืออีกเครื่องละ 20,000 บาท ซึ่งผู้ก่อเหตุไม่ยอมให้มีการโอนเงินเข้าบัญชีแต่ ใช้วิธีรับเงินสดเพียงอย่างเดียว โดยอ้างว่าคนร้ายประกอบ ธุรกิจสีเทาเกรงว่าจะโดนตรวจสอบ


จากนั้น เดินออกไปจากร้าน เพื่อไปที่ร้านของโทรศัพท์มือถือ และออกอุบายให้ตนค่อยตามไปเอาโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าหลังจากผู้ก่อเหตุออกจากร้านไป ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงมั่นใจว่าถูกหลอก และเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน. ห้วยขวาง


สิ่งที่ตนเองกังวล ก็คือ เอกสารของร้านที่ คนร้ายได้ขอไปก่อนหน้า ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุว่าทางบริษัทของตนเอง และร้านสะดวกซักแห่งนี้จะมีการปล่อยขายกิจการในสาขานี้ จึงเกรงว่าคนร้ายอาจจะนำไปหลอกลวงขายกิจการให้กับผู้เสียหายคนอื่น และอาจเกิดความสูญเสียที่มีมูลค่าสูง


หลังจากเกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเช่าห้องเช่ารายวัน ที่อยู่ใกล้กับร้านของตนเอง จึงไปขอข้อมูลจากห้องเช่า แต่ผู้ดูแลอ้างว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ และอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลผู้เช่าไว้ ส่วนภาพกล้องวงจรปิดต้องรอเจ้าของตึก ที่ขณะนี้เดินทางไปต่างประเทศ


ขณะที่ผู้ก่อเหตุ เข้ามาเช็คอินเมื่อวานซืน และเช็คเอาท์ออกไปในช่วงเที่ยงวานนี้ โดยจ่ายเป็นเงินสด


สำหรับทางคดี พันตำรวจเอก สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ระบุว่า ในวันนี้มีการนัดผู้เสียหายเพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะประสานไปที่ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือตามที่คนร้ายใช้มาที่ผู้เสียหายช่วงแรก โดยจะเร่งติดตามเบาะแสคนร้ายมาโดยเร็วที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/M1ACXA854ZA

คุณอาจสนใจ

Related News