อาชญากรรม

เปิดชนวนเหตุ พ่อเครียดหนี้ ฆ่าปาดคอลูกเมีย - ด้านญาติ 2 ฝ่ายแย่งศพแม่ลูก หลัง รร.ปิดรับบริจาคยอดพุ่ง 2 ล้าน

โดย petchpawee_k

29 ส.ค. 2566

99 views

เปิดวงจรปิดรถยนต์ต้องสงสัยขับมาจอดหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ คาดเป็นเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ก่อนสามีกดดันเครียดคว้ามีดอีโต้ฆ่าเมียลูกชาย 3 ศพ เพื่อนบ้านเผยนาทีงัดบ้านเข้าไปเจอศพ ตร.เร่งตรวจสอบแอปหลอกกู้เงิน อ้างสามารถปล่อยเงินกู้ให้ 5 เท่า ของเงินเดือน - ด้าน ญาติ 2 ฝ่ายแย่งศพ 3 แม่ลูกที่ถูกฆ่า หลังมีเงินบริจาคเข้ามา 2 ล้าน  



กรณีชายวัย 41 เครียดเป็นหนี้ 8 แสนเพราะไปค้ำประกันเงินกู้ซื้อรถยนต์ให้อดีตนายจ้างจนเกือบถูกยึดบ้าน ขณะที่ภรรยาไปกู้เงินจากแอปพลิเคชั่นโดนหลอกสูญเงินไปอีก 1 ล้าน 7 แสนบาท ซ้ำโดนแก๊งเงินกู้นอกระบบมาตามทวงถึงบ้าน ฝ่ายสามีตัดสินใจคว้ามีดอีโต้ฆ่าเมียและลูกชาย 2 คน (อายุ 11 ปี กับ 13 ปี) 3 ศพ ก่อนจะพยายามฆ่าตัวตายตาม แต่ก่อนตายโทรศัพท์บอกหัวหน้างานเพื่อสั่งลา ทำให้มีคนมาช่วยเหลือทันอาการสาหัส ล่าสุดปลอดภัยแล้ว 


วานนี้ (28 ส.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุ หมู่บ้านทิพย์มงคล ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้คุยกับเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งพบศพเป็นคนแรก เล่าว่า คืนเกิดเหตุหัวหน้างานได้โทรมาหา บอกว่านายสาณิช โทรไปบอกว่าได้ฆ่าลูกฆ่าเมียหมดแล้ว ช่วยไปดูที่บ้านนายสาณิช หน่อย พอไปถึงเธอตะโกนเรียกหน้าบ้านก็ไม่มีคนออกมา และไม่มีเสียงตอบรับ จึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ พอตำรวจมาถึงก็งัดประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไป พบศพคนตายแล้ว


โดยนายสาณิช และครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 4-5 ปีแล้ว แต่ไม่เคยทราบเรื่องปัญหาหนี้สิน เพราะครอบครัวนี้ไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง จะรู้จักกันแค่ในฐานะเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้ก่อเหตุก็เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ไม่มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์หรือยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก่อนจะเกิดเหตุก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติเลย


ด้านนายกฤษฎา  เพื่อนบ้านของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปัญหาเริ่มจากเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อดีตนายจ้างของนายสาณิช มาขอให้นายสาณิช ช่วยเซ็นค้ำประกันซื้อรถยนต์โตโยต้า อินโนวา (สีดำ) แต่กลับหนีหายไป เอารถจอดทิ้งไว้ทำให้นายสาณิช ต้องรับภาระหนี้แทน ถึงขั้นมีหมายศาลมาติดหน้าบ้าน ซึ่งรวมดอกเบี้ยแล้ว มีหนี้สินเป็นเงินกว่า 8 แสนบาท หลังจากนั้นครอบครัวนี้จึงเริ่มกู้เงินนอกระบบบ้าง เพื่อหาเงินมาจ่ายไฟแนนซ์ ไม่ให้ถูกยึดบ้าน


พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ทางด้านของ นางสาววิภาพร ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นแม่ ได้มีการเข้าแจ้งความกับทางเจ้าที่ตำรวจเมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยเดินทางมากับเพื่อนที่โรงงาน มาแจ้งความว่าถูกหลอกลวงจากแอปกู้เงิน โดยพฤติการณ์มีความจำเป็นจะต้องกู้เงิน 100,000 บาท เพื่อช่วยปิดภาระหนี้สินของสามี


โดยแอปหลอกกู้เงิน มีการให้โอนเงินเกี่ยวกับค่าทำเนียมในการกู้เงิน 100,000 บาท  ทางด้านนางสาววิภาพร ผู้เสียชีวิต ก็ได้มีการโอนเงินไปหลายครั้ง จำนวน 10,000-50,000 บาท รวมมูลค่า 1.7 ล้าน ซึ่งตำรวจเพิ่งรับแจ้งความได้ไม่กี่วัน และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าเป็นบัญชีม้าหรือไม่


ส่วนกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้น เกิดจากนายสาณิช เคยค้ำประกันรถยนต์ ให้กับอดีตนายจ้าง ซึ่งเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่นายหลบหนีไม่ยอมจ่ายหนี้สินและหลบหนี ทำให้สินเชื่อได้มีการส่งฟ้องศาลให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์สิน โดยราคารถประมาณ 400,000 บาท แต่รวมดอกเบี้ยทั้งหมดแล้วราวประมาณ 800,000 บาท ซึ่งนายสาณิช ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นสามี ตั้งใจจะให้มีการยึดรถคันดังกล่าวไป แต่ราคารถตกลง ไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ นำไปสู่การจ่อยึดบ้านที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน


นายสาณิช มีการไกล่เกลี่ย กับทางสินเชื่อ ต่อรองกัน เหลือที่ต้องจ่ายเงินประมาณ 5 แสนนิด ๆ เพื่อนำไปจ่ายเงิน เพื่อปิดหนี้สินต่าง ๆ นางสาววิภาพร ผู้เสียชีวิต ด้วยความหวังดี จึงไปหาทางกู้หนี้ยืมสิน ผ่านการกู้เงินออนไลน์ ซึ่งเงินที่นำมาโอนให้แอพหลอกกู้เงิน ก็ได้มีการหยิบยื่นคนรอบข้างมาจ่าย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1.7 ล้านบาท ซึ่งน่าจะช้ำใจตรงที่ว่าเอาเงินเก็บ 400,000 บาท มาโอนให้กับแอพหลอกกู้เงินออนไลน์ด้วย จึงอาจจะเป็นชนวน ในการก่อเหตุเพราะมาถึงทางตันแล้ว


ส่วนนายสาณิช ผู้ก่อเหตุได้มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว โดยมีการล็อคประตูทางเข้าด้วยแม่กุญแจ หลังจากนั้นใช้อาวุธมีดฆ่าคนในบ้าน และพยายามจะปลิดชีพตัวเอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปยังนายสาณิชในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”


ทั้งนี้เจ้าที่ตำรวจไม่ได้มีการตัดประเด็นใดทิ้ง แม้ว่าจะเป็นเรื่องของการกู้เงินนอกระบบ ความขัดแย้งภายในครอบครัวระหว่าง 2 สามีภรรยา และเรื่องความเครียดที่เกิดจากการถูกหลอกจากแอปเงินกู้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดที่มาที่ไปของการโอนเงิน ว่าจะเป็นบัญชีม้าหรือเข้าข่ายการหลอกลวงใดบ้าง  รวมถึงตรวจสอบวงจรปิด


ทีมข่าวตรวจสอบใบแจ้งความ ทราบว่า วันที่ 25 ส.ค. เวลา 18.18 น. นางสาววิภาพร เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บางแก้ว ว่าเมื่อวันที่ 21 ส.ค.66 จำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ นางสาววิภาพร ไปพบคนร้ายผ่านแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก (จำชื่อเฟซไม่ได้) โดยคนร้าย ได้โพสต์โฆษณาว่าสามารถปล่อยเงินกู้ให้เป็นเงินจำนวน 5 เท่า ของเงินเดือน อยู่ที่หน้าฟีดเฟซบุ๊ก จำลักษณะการโพสต์ไมได้ว่าเป็นแบบสาธารณะหรือไม่


นางสาววิภาพร สนใจจึงได้กดลิงค์ใต้โพสต์โฆษณา เพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวของนางสาววิภาพร ผ่านแพลตฟอร์มของคนร้าย โดยนางสาววิภาพร ประสงค์ยืนกู้เงิน จำนวน 100,000 บาท หลังจากที่นางสาววิภาพร กรอกข้อมูลลงทะเบียนเสร็จแล้ว จึงได้กดลิงค์เพื่อรอผลการอนุมัติ 


หลังจากที่กดสิงค์ดังกล่าวไปแล้ว จึงได้สนทนากับคนร้ายผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ต่อมาคนร้ายแจ้งว่า


เงินกู้ของนางสาววิภาพร ได้รับการอนุมัติแล้ว และได้ส่งเงื่อนไขในการกู้เงินให้นางสาววิภาพร เลือกเพื่อสร้างเครดิตในระบบธนาคาร โดยนางสาววิภาพร จะต้องโอนเงินจำนวน 10% ของยอดเงินที่ยืนกู้ หรือจำนวน 10,000 บาท จึงจะสมารถอนุมัติรหัสถอนเงิน OTP ได้ นางสาววิภาพร จึงได้โอนเงินตามคำแนะนำของคนร้าย ต่อมาคนร้ายแจ้งว่านางสาววิภาพร ลงทะเบียนหมายเลขบัญชีผิดจะต้องโอนเงินเพื่อทำการปลดล็อคบัญชี /นางสาววิภาพร จึงได้โอนเงินไปเพื่อทำการปลดล็อคบัญชี


หลังจากที่นางสาววิภาพร โอนเงินไปแล้ว คนร้ายอ้างข้อขัดข้องให้นางสาววิภาพร โอนเงินไปแก้ไขอยู่เรื่อย ๆนางสาววิภาพร ก็ได้โอนไปให้ตามคำแนะนำจำนวนหลายครั้ง สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถกู้เงินได้จริง เชื่อแน่ว่าจะต้องถูกหลอกลวง ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 1,700,320.59 บาท จึงได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมายต่อไป

---------------------------------------------------

ต่อมาเวลา  21.30 น. ที่สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ นายสุรศักดิ์ ราชา อายุ 66 ปี บิดาของนางสาว วิภาพร ราชา ที่ถูกนายสาณิช ฆ่าปาดคอพร้อมกับลูกชายอีกสองคนเสียชีวิตคาบ้านพัก ดินทางมาพร้อมกับครอบครัว เพื่อมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ นายสาณิช สามีของ นางสาววิภาพร ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยมี พ.ต.ท.รังสรรค คำสุข รอง ผกก.สอบสวน รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางแก้ว รับแจ้งความไว้ในครั้งนี้


นายสุรศักดิ์  ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นกรณีที่มีทางญาติของ นายสาณิช ชิงมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งกรณีดังกล่าว ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงมีการรับศพกลับไปที่กำแพงเพชร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยตกลงกันแล้วว่าจะนำศพลูกสาวและหลานชายทั้งสองตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดหนามแดง เนื่องจากมีญาติพี่น้องที่ทำงานในพื้นที่แห่งนี้และเพื่อความสะดวกต่อทั้งสองฝ่าย แต่พอเดินทางมาถึงกลับทราบว่าทางครอบครัวของลูกเขยได้นำศพไปกำแพงเพชรแล้ว


 ซึ่งตนเองในฐานะของบิดานางสาววิภาพร ไม่ยอมและต้องนำศพลูกสาวและหลานชายทั้งสองมากลับมาที่วัดหนามแดง ซึ่งคงต้องไปคุยกับทางนั้นอีกครั้ง เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีการแจ้งความเอาผิดในข้อหาลักศพหรือไม่นั้นตนเองยังไม่ขอตอบขออุบไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าต้องนำศพกลับมา


 ที่ผ่านมาตนเองติดต่อบุตรสาวไม่ได้มาสองถึงสามเดือนแล้วโทรไม่เขาไม่รับสาย แต่ลูกสาวก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง และเห็นใช้ชีวิตตามปกติสุข ส่วนลูกเขยก็เป็นคนนิสัยดี จึงไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนจนกระทั่งมาทราบข่าวว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น ยังคงยืนยันว่าจะรับศพทั้งสามคนกลับมาที่วัดหนามแดง

.


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/zhWYESPCM7A


คุณอาจสนใจ

Related News