'ภูมิธรรม' ย้ำ 'เพื่อไทย' ไม่ได้เปลี่ยนขั้ว แต่เป็นการ 'สลายขั้ว' ไม่เชื่อทฤษฎี 10 เดือน มองอำนาจเก่ามีอิทธิพล

‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยเพื่อไทยจับมือร่วมกับพรรคภูมิใจไทยว่า  ไม่ได้เรียก ‘เปลี่ยนขั้ว’ แต่เรียก ‘สลายขั้ว’ วันนี้เพื่อไทยร่วมมือภูมิใจไทยได้ 212 เสียง อีก 2-3 วัน ดึงพรรคร่วมมาได้อีก ปิดฉากรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้

วานนี้ (8 ส.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์แคมเปญไล่หนูตีงูเห่า แล้วมาจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ว่า

วันนี้ โจทย์ในการตั้งรัฐบาลค่อนข้างยาก ฉะนั้น ถ้าเรายังคิดถึงเรื่องที่ติดค้างในหัวใจ เราไม่มีทางตั้งรัฐบาลได้

ส่วนเรื่องไล่หนูตีงูเห่า ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า

เราเคยมีความบาดหมางกันไม่เห็นด้วยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง สส.พรรคเพื่อไทยที่ออกไปจากพรรค ตอนนั้นเราบุกไปชี้ให้ประชาชนเห็นว่า สส.ที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไป ไม่ได้ไปด้วยความชอบธรรม ชี้ให้เห็นว่า หากฝากความหวังกับคนเหล่านั้นไปมันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ดังนั้น สส.ที่ออกจากเราไปถึงสอบตกหมด

“ผมอยากเรียนไปถึงประชาชนว่า คณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีรัฐธรรมนูญที่มันผิดปกติวิสัยแบบนี้ การเลือกตั้งรัฐบาลสามารถเกินได้ 250 เสียงส.ส.ต้องทำให้เสียงได้เกิน 375 โดยมีสมาชิกวุฒิสภาต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วการที่พรรคเพื่อไทยไปจับกับพรรคก้าวไกลก็ยังเหมือนเดิมคือ เขาไม่ยกมือให้ หากยังรักษาความร่วมมือว่าเป็นแบบเดิม ก็จะมีแค่ 312 เสียง เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดตั้งรัฐบาล”

“ผมไม่เชื่อทฤษฎีที่ว่าอยู่ไป 10 เดือน น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะผมเชื่อว่าอำนาจรัฐจึงมีอิทธิพลที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข กาลเวลาในสังคมไทย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพี่น้องประชาชนลำบากและเดือดร้อน อันนี้ไม่ใช่คำพูด ไม่ใช่คำท่องคาถา แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ”

นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขนาดคนทำงานมีเงินเดือนยังลำบาก เนื่องจากค่าของชีพสูง ดังนั้น การคิดว่าการมีรัฐบาลเร็วที่สุด เป็นการแก้ปัญหา และเรากำลังจะเลือกนายก หุ้นก็ขึ้นเป็นขบวน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องการความมั่นใจ วันนี้ต้องตั้งรัฐบาลในมิติพิเศษและเป็นรัฐบาลพิเศษ วิกฤติบ้านเมืองตรงนี้จะผ่านไปได้อย่างไร ถ้าไม่พูดอย่างนี้ตนไม่เห็นทางออกเลย ในเมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้เราก็ต้องอยู่สภาพแบบนี้ไปอีกนาน ถ้าเราคิดแบบตายตัวเราจะไม่มีวันหาทางออกได้

“หากเดินหน้าแบบที่พรรคเพื่อไทยเดิน คุณก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าเปลี่ยนขั้วไปจับมือกับเผด็จการ"

ผมเรียนว่าทุกคนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภา ทุกคนได้รับเลือกจากประชาชนทุกกลุ่มทุกหมู่เหล่า ระบบประชาธิปไตย เขาให้คนที่ต่างอุดมการต่างความคิดต่างความเชื่อมาตั้งรัฐบาล และทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายค้านได้ ไม่ต้องไปมองว่าเขาเป็นประชาธิปไตย แต่มองว่าเขาคือประชาชน ลำบากแบบนี้จะคลี่คลายอย่างไร ดังนั้น วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ใช้คำว่า เปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาล เรากำลังสลายขั้ว”

อย่างวันนี้ สิ่งที่เราร่วมมือกับพรรคภูมิใจไทยเราได้ 212 เสียง อย่างน้อยที่สุดการที่จะให้คนรัฐบาลเดินกลับตั้งเสียงข้างน้อยมันหมดไป

อีก 2-3 วันเราก็จะดึงพรรคการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาได้อีก ปิดฉากรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กๆ แบบนี้ไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะคลี่คลายสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ขอให้อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ที่อยากเป็นรัฐบาล

-------------
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 8 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมสส.พรรค นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค โดยมีแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ นายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง

ที่ประชุมเปิดโอกาสให้ตัวแทนแต่ละภาคแสดงความคิดเห็น โดยนางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม แสดงความเห็นว่า คนอีสานเลือกตั้งมาเพื่อต้องการให้สส.เป็นรัฐบาล ไม่ใช่มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่ง สส.ส่วนใหญ่ก็เห็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมกันนี้ยังมี สส.แสดงความเห็นหลากหลาย อาทิ นางฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา แสดงความเป็นห่วงหากพรรคจับมือกับ 2 ลุง จะไม่สามารถตอบคำถามประชาชนในพื้นที่ได้ สส.ในพื้นที่จะได้รับแรงเสียดทานในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ยังมี สส.บางส่วนระบุว่า ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะมีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่จะมาร่วมรัฐบาล ไม่มีใครลุกขึ้นมาทักท้วง

ขณะที่ทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชี้แจงว่า ทั้ง 2 ลุงและพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นทางเลือกสุดท้าย หากมีเข้ามาก็จะไม่เป็นในรูปแบบของพรรค ด้วยวิธีว่าหาก สส.คนไหนจะยกมือสนับสนุนก็ถือเป็นเอกสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สส.เพื่อไทยบางคนยังเป็นห่วงถึงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ อาจถูกสับขาหลอกในวันโหวตเลือกนายกฯ ทำให้ตำแหน่งไปตกอยู่ที่พรรคอื่น ซึ่งคณะเจรจายืนยันกับ สส.ว่า ถึงอย่างไรนายกฯ ต้องมาจากแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย และทางพรรคยังพูดคุยกับพรรคก้าวไกลอยู่ เพราะเขาพร้อมสนับสนุน ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยฉบับประชาชนอย่างแท้จริง

-------------
วานนี้ 8 สิงหาคม 2566 อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ทวีตข้อความว่า

"จะทำยังดีน้าถ้าเขามาง้อให้ช่วย"

ก่อนจะระบุอีกทวีตว่า

"การตัดสินใจใด ๆ จะเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ คำนึง ถึงผลประโยชน์ของผู้ปรารถนาการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การผูกใจเจ็บส่วนตัว"

ก่อนจะทวีตอีกว่า

"คิดอีกทีเราก็ไม่ได้ขี้เหร่ ต้องใจแข็งไว้ ก่อนจะทิ้งท้ายว่าต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนว่าง้อ จริงไม่ใช่เทคนิคขอเสียง"

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/3csEzv_eokc