ตร.เร่งแกะรอยตามล่าคนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์ จ.นราธิวาส - สส. พปชร. ย้ำ ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของโกดังพลุ

เหตุการณ์รุนแรงในจังหวัดนราธิวาส ในระหว่างที่เราติดตามความคืบหน้า กรณีโกดังพลุระเบิด ในจังหวัดเดียวกันเมื่อคืนก็เกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้นมาอีก แต่ถือว่า โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ก็เร่งตามแกะรอยคนร้าย


ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผู้กำกับการ สภ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดอโณทัย เจ้าหน้าที่ทหารชุดสุนัขสงครามดมกลิ่น และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พร้อมด้วยส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ ที่บริเวณสี่แยกอรกานต์ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก พบระเบิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูก ที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 ก.ก.วางอยู่บริเวณข้างรางรถไฟ โดยมีซากชิ้นส่วนของรถยนต์เก๋งที่ใช้เป็นพาหนะในการซุกระเบิดตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน 2 จุดใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องใช้สุนัขสงครามดมกลิ่นในการปล่อยเดินเข้าตรวจสอบ และพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน


เจ้าหน้าที่ได้เปิดเครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสาร เข้าไปดำเนินการเก็บกู้นาน ประมาณ 15 นาทีจึงแล้วเสร็จ พร้อมได้ใช้ความระมัดระวังในการขนย้ายออกจากพื้นที่เพื่อยิงทำลาย ซึ่งคาดว่าระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในถังแก๊สปิกนิกลูกนี้ จะเป็นลูกที่กระเด็นออกจากรถยนต์เก๋งที่ทำงานเพียง 1 ลูก ทำให้ประสิทธิภาพการทำลายล้างของระเบิดคาร์บอมบ์ในช่วงคืนที่ผ่านมา มีอานุภาพน้อยลง

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบซากรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนส์ทอง ทะเบียน ขง 1540 สงขลา ถูกอนุภาพของระเบิดกลายสภาพเป็นเศษเหล็ก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


นอกจากนี้ที่บริเวณด้านหลังของฐานปฏิบัติการณ์ชั่วคราวของจุดตรวจบุญยลาภนฤมิตร ซึ่งมีอาคารน็อคดาวน์ 1 หลังที่ใช้สำหรับเป็นเรือนนอน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 40 เมตร ริมถนนฝั่งตรงข้ามเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่จำนวน 8 ปลอก และที่บริเวณพงหญ้ารกทึบข้างอาคารน็อคดาวน์ เจ้าหน้าที่พบร่องรอยของระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 1 ลูกตกใส่ แต่ไม่มีทรัพย์และอาคารน็อคดาวน์ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้แยกย้ายกันทำงาน 3 ชุด


ชุดที่ 1 ขับรถยนต์เก๋งคาร์บอมบ์ซึ่งมีระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก จำนวน 2 ลูก หนัก ประมาณ 50 ก.ก. จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา มาตามถนนมุ่งหน้าจากสาย อ.แว้ง ขับตรงมายังจุดตรวจบุญยลาภนฤมิตร เมื่อถึงบริเวณ 4 แยกอรกานต์


คนร้ายชุดที่ 2 ที่ซุ่มอยู่บริเวณด้านหน้าของอาคารน็อคดาวน์ได้ใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ใส่ข่มขู่ เมื่อคนขับรถยนต์เก๋งคาร์บอมบ์จอดบริเวณ 4 แยก ได้เปิดประตูรถยนต์เก๋งมาวิ่งขึ้นรถ จยย.อีก 1 คันมารับและรีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป จากนั้นประมาณ 5 นาที จึงได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ระเบิด 1 ใน 2 ที่ไม่ทำงานกระเด็นตกลงมาอยู่บนถนนริมทางฟาดของรางรถไฟ


แล้วคนร้ายชุดที่ 3 ได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ 1 ลูก เพื่อเป็นการเบิกเส้นทางให้คนร้ายทั้ง 2 ชุด ที่ก่อเหตุแล้วเสร็จได้หลบหนีอย่างสะดวก แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต


เหตุระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองในรอบ 9 เดือน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว เกิดระเบิดที่แฟลตตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 25 นาย ครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 18 คน และบ้านพักตำรวจได้รับความเสียหายกว่า 70 ห้อง


และยังมีอีกคดีหนึ่งที่ต้องตามต่อเนื่อง คือคดีโกดังดอกไม้ไฟระเบิดที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลังเมื่อวานนี้สองสามีภรรยาเจ้าของโกดังต้นเหตุระเบิด เข้ามอบตัว ล่าสุดวันนี้ ตำรวจได้แยกสอบทั้งสอง ยังคงอ้างไม่รู้เห็นอะไร ขณะที่ สส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาย้ำว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโกดังที่เกิดเหตุ


วันนี้ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส. เขต 3 ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่รู้จักด้วย ทั้งยังเรียกร้องให้ตำรวจ ดำเนินการเอาผิด เพราะขออนุญาตใช้พื้นที่ขายวัสดุก่อสร้าง แต่กลับมาลักลอบเป็นโกดังเก็บพลุ

ด้านนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส. เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอร้องให้ทุกคนเสพสื่ออย่างมีสติ อย่าฟังความเพียงข้างเดียว


ขณะที่ความเคลื่อนไหวในทางคดี หลังจากสองสามีภรรยา เจ้าของโกดังเก็บดอกพลุไม้ไฟที่เกิดเหตุระเบิด ได้เข้ามอบตัวกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หากพาล รอง ผบ.ตร. แล้วได้ถูกควบคุมตัวไปที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส


กระทั่งวันนี้พันตำรวจเอก สุธน สุขวิเศษ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และพนักงานสอบสวน ได้เบิกตัว 2 สามีภรรยามาสอบสวน โดยแยกกันสอบปากคำ มีทนายความที่ได้รับการแต่งตั้ง นั่งร่วมสังเกตการณ์การสอบปากคำอย่างใกล้ชิด


ผลการสอบสวน เบื้องต้นทั้งสอง ได้ยอมรับในบ้างข้อกล่าวหา แต่ก็ปฏิเสธไม่รู้เห็นในบางข้อกล่าวหา เบื้องต้นตำรวจมีเวลาสอบปากคำภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนครบกำหนดส่งผัดฟ้องในเวลาบ่าย 2 ของวันพรุ่งนี้