เลือกตั้งและการเมือง

สุดทางรัก! ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ แยกทาง กูรูการเมืองวิเคราะห์หวยอาจออก ‘เสี่ยหนู - บิ๊กป้อม’

โดย JitrarutP

3 ส.ค. 2566

368 views

วันที่ 3 ส.ค. 66 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช, รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ.ศูนย์วิจัย ม.รังสิต และอดีต กกต. และสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย มองว่า สถานการณ์ที่เพื่อไทยออกมาแถลงเมื่อวานนี้ เชื่อว่าทุกฝ่าย แม้กระทั่งก้าวไกล ก็มองเห็นล่วงหน้ามาสักระยะแล้ว เพราะท่าทีของ สว. ท่าทีของพรรคต่างๆ ฝ่ายต่างๆ ที่ยืนกรานไม่ให้มีก้าวไกลในรัฐบาล ล้วนนำมาสู่การตัดสินใจของเพื่อไทย ว่าต้องตัดก้าวไกลออกจากสมการ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้พรรคเพื่อไทย “ล้มละลายทางความเชื่อถือ” เพราะการตัดพรรคที่ได้อันดับ 1 ออกจากสมการตั้งรัฐบาล ย่อมเกิดผลกระทบตามมา จะเห็นว่า การเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาล้วนมีฐานจากความรู้สึกอัดอั้นตันใจของประชาชน อย่างการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยได้อันดับ 1 มาตลอดหลายครั้งที่ผ่านมา ก็ล้วนเกิดจากความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องเจอการรัฐประหาร เกิดจากการชุมนุมต่างๆ ที่ประชาชนใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการตอบโต้ฝ่ายอำนาจ เลือกคนที่เขาต้องการเข้ามาทำงาน

รศ.ดร.ยุทธพร ยังมองอีกว่า การไปจับมือกับ รทสช. กับ พปชร. ตั้งแต่สเต็ปแรกอาจจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เพื่อไทยล้มละลายทางความเชื่อถือไปแล้ว การจะไปจับมือกับพรรคสองลุงตั้งแต่แรก มันเป็นผลเสียมากกว่า ต่อให้อ้างว่า พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่แล้ว แต่คนก็ยังมองอย่างชัดเจนอยู่ดีว่าทั้งสองพรรค ก็คือตัวแทนของสองลุง

ซึ่งในสเต็ปต่อไป หลังตั้งรัฐบาลได้แล้ว หลังโหวตนายกเสร็จไปแล้ว รทสช. และ พปชร. จะไหลมารวมทีหลังหรือไม่นั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ อาจจะมีการใช้ “ไพบูลย์โมเดล” ยุบพรรค แล้วให้ สส.ในพรรคไหลมารวมทีหลัง ก็ยังมีความเป็นไปได้

ขณะที่ อ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. มองว่า สิ่งที่เพื่อไทยวาดภาพไว้ สวยงามเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ คือหลังผลักก้าวไกลออกไป แล้วจะได้เป็นรัฐบาล ได้เศรษฐาเป็นนายก แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น เริ่มจากบรรดาพรรคร่วม เชื่อได้ว่าต้องมีการต่อรองกันเรื่องกระทรวงต่างๆ แม้แต่ สว.เอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยกมือโหวตให้คุณเศรษฐา 100 เปอร์เซ็นต์ มันยังต้องมีเรื่องที่ต้องพิสูจน์อีกมากมายหลายเรื่อง ขณะที่อารมณ์ของมวลชนนอกสภา ก็ร้อนระอุขึ้นไปเรื่อยๆ

รศ.ดร.ยุทธพร บอกว่า สิ่งหนึ่งที่เพื่อไทยลืมไม่ได้คือ ณ วันนี้ พวกเขาไม่ได้ผูกขาดเสียงในหีบเลือกตั้งอีกแล้ว แล้วยังมาเจอเกมการเมืองที่บีบให้เขาต้องเล่นเกมต่อรองต่างๆ ตามเกมที่ขั้วเดิมวางไว้อีก อย่าลืมว่าตอนนี้ แคนดิเดตนายกเหลือใช้งานได้จริงแค่ 4 คน ฝั่งละ 2-2 คือ เพื่อไทยมีเศรษฐากับอุ๊งอิ๊ง ขณะที่ขั้วเดิมมี อนุทิน กับ พล.อ.ประวิตร ไหนจะมีโจทย์จาก สว. ที่เขาตั้งโจทย์ใหม่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขาอยากได้ใครเป็นนายกกันแน่ โจทย์เหล่านี้เป็นโจทย์ที่บีบเพื่อไทยให้ขยับตัวได้ยากเหลือเกิน

อ.สมชัย พูดถึงประเด็นเรื่องการโหวต คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายก กว่าจะได้โหวตจริงๆ ก็ หลังวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งยังอีกหลายวัน กว่าจะถึงวันที่ได้โหวต คุณเศรษฐามีเวลาไตร่ตรอง ว่าเขาอยากจะมาเป็นนายกจริงหรือไม่ มันคุ้มหรือไม่คุ้ม อะไรก็ยังไม่แน่ไม่นอน อย่างกรณีของการที่คุณชูวิทย์ออกมาแฉ ออกมาเปิดแผลคุณเศรษฐาในวันนี้ ไม่มีผลต่อการโหวตนายกในสภา เพราะ สว.เขามีธงในใจอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากโหวตคุณเศรษฐาอยู่แล้ว เขาอาจจะเอาข้อมูลที่คุณชูวิทย์พูด ยกขึ้นมาเป็นประเด็นอภิปรายคุณเศรษฐาในวันโหวตนายกก็ได้ แต่ถ้า สว. จะโหวตให้อยู่แล้ว สิ่งที่คุณชูวิทย์พูดในวันนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะยังไงเขาก็โหวต

ส่วนเรื่องการแฉการหลบเลี่ยงภาษี ที่คุณชูวิทย์หยิบยกมาพูด จริงๆตามหลักต้องไปร้องกับสรรพากร แล้วสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง จะปรับอย่างไรก็ตามขั้นตอนไป แต่การออกมาแฉแบบนี้ไม่ได้มีผลอะไร

ขณะที่ ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ โฟนอินเข้ามาในรายการ ชี้ให้เห็นว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์คือ วันที่ 4 ยังไม่ได้นายก วันที่ 10 คุณทักษิณก็ยังไม่ได้กลับมา แล้วการที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณาออกไป จนส่งผลต่อการเลื่อนโหวตนายก รวมทั้งพรรคเพื่อไทยที่จะต้องแถลงรายชื่อพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

การเลื่อนแถลงของเพื่อไทย เป็นการเลื่อนเวลาของหายนะออกไป เพราะการแถลงพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล มันต้องการเสียงจากพรรคขั้วตรงข้าม ไอ้ที่ดีลกันมา ต่อรองกันมา จนเหมือนว่ามันง่ายดายเหลือเกิน เอาเข้าจริงมันก็จะค่อยๆ ยากขึ้น อำนาจต่อรองที่เพื่อไทยมีก็จะค่อยๆ น้อยลงไป เหมือนกับการได้กลับบ้านของคุณทักษิณ ก็จะค่อยๆ ห่างไกลความจริงออกไป

การตัดสินใจตระบัดสัตย์ของเพื่อไทยในครั้งนี้ เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ที่ประชาชนซึ่งเป็นผู้รักและสนับสนุนในพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง ไม่อาจยอมรับได้ อาจจะยังมีแฟนคลับที่ยังสนับสนุนอยู่ให้พรรคสบายใจ แต่การข้ามไปจับมือกับพรรคอย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ จะทำให้เขาสูญเสียความศรัทธาจากประชาชนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

คุณอาจสนใจ

Related News