คลิปเต็มรายการ

คนเขียนบทความแจงถูกบิดเบือน ยัน “เชื่อมจิต ไม่มีในพระไตรปิฎก”

โดย nattachat_c

26 เม.ย. 2567

243 views

วันที่ 29 เม.ย. 67 รายการโหนกระแส ได้จัดรายการในตอน “รู้ไว้นะธรรมะซื้อขายไม่ได้!!! สังคมสงสัย "เชื่อมจิต" มีในพระไตรปิฎกหรือไม่ ?.” ซึ่งเป็นกรณีที่ลัทธิหนึ่งได้มีการอ้างว่าสามารถเชื่อมจิตได้ โดย มีผู้ร่วมรายการประกอบด้วย พระมหาวัฒนา ปญญาทีโป ปธ. 9 อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย  ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา  หรือ “มหาหมี” รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม และ นายอธิเทพ ผาทา คณะพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

โดยในตอนเริ่มรายการ  ‘หนุ่ม-กรรชัย’  ผู้ดำเนินรายการได้ระบุว่า นี่จะเป็นครั้งแรก ที่รายการจะมาพูดถึงเรื่องธรรมะล้วน ๆ

ซึ่งพระมหาวัฒนา  และ ดร.ประยุทธ ทนายมหาหมี ได้กล่าวตรงกันว่า ในการจะพูดถึงเรื่องธรรมะ หรือเรื่องพุทธศาสนา เราจะต้องอ้างอิงจากพระไตรปิฎกฉบับเถรวาท ที่ผ่านสังคายนาครั้งที่ 1 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 3 เดือน ซึ่งพระไตรปิฏกจะประกอบด้วยสามส่วนคือ พระสูตร พระวินัย และพระอภิธรรม  โดยพระสูตรคือพระประวัติของพระพุทธเจ้า  และคำสอนของพระองค์ ซึ่งเขียนมาจากคำบอกเล่าของพระอานนท์พระพุทธอุปปัฏฐาก

ส่วนกรณีที่พญานาคมีจริงหรือไม่ พระมหาวัฒนา ระบุว่าในศาสนพุทธมีพญานาคจริง แต่ไม่ได้มีเยอะเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีเฉพาะพญานาคที่เด่น ๆ เท่านั้น เช่น พญานาคมุจลินท์ ที่ปรากฏในพุทธประวัติ ผู้แผ่พังพานปกป้องพระโคตมพุทธเจ้าเมื่อเกิดพายุฝนเป็นเวลาเจ็ดวันขณะเสวยวิมุตติสุขใต้ต้นจิกในสัปดาห์ที่ 6 หลังการตรัสรู้  นอกจากนี้มีเพียง พญานาค อีกไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่ถูกจารึกไว้ในพระไตรปิฎก

สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ดร.ประยุทธ  กล่าวว่า ถ้าเราศึกษาพุทธศาสนา เราจะพบว่า ในการที่พระพุทธเจ้าทรงเกิด 500 ชาติ นั้น มีบุตรจริง ซึ่งก็คือ กัณหา และ ชาลี  ส่วนที่จะตอบว่า ลูกของท่านสามารถมาเกิดในตอนนี้ได้หรือไม่ก็ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะการที่ลูกของพระพุทธเจ้าจะมาเกิด ต้องมีพระพุทธเจ้ามาเกิดก่อน เพราะเป็นของคู่กัน

ขณะที่หากเป็นลูกของพระโสดาบันจะมาเกิด  ลูกของพระโสดาบันนั้น จะเป็นผู้มีบุญ เปี่ยมไปด้วยบารมี ถ้าจะมาเกิดก็จะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ในกรณีที่มีคนอ้างว่า ลูกของพระพุทธเจ้ามาเกิด เป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย เพราะปกติ ถ้าลูกของพระโพธิสัตว์มาเกิด ต้องมาเกิดในภพชาติที่พระโพธิสัตว์มาเกิดด้วย จะไม่มีมาเกิดเดี่ยวๆ ที่ไปอ้างว่าเป็นลูกของพระพุทธเจ้าเป็นแส

อย่างไรก็ตามในกรณีของการเชื่อมจิตที่เพจ นิรมิตเทวาจุติ มีการหยิบยกบทความของ ดร.อธิเทพ ผาทา คณะพุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่กล่าวถึง การเข้าอาเนญชสมาธิ ที่มีระบุอยู่ในพระไตรปิฎก หมายถึง การใช้จิตติดต่อสื่อสารกัน หรือสนทนากันทางจิต ในสมัยพุทธกาล ซึ่งถึงแม้จะไม่มีการเรียกว่า “เชื่อมจิต” แต่ก็คือการสื่อสารผ่านจิต เป็นสิ่งเดียวกัน จึงสามารถจะยืนยันได้ว่า การเชื่อมจิต มีอยู่ในพระไตรปิฎก มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

ดร.ประยุทธ แย้งว่า อาเนญชสมาธิ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการสื่อสาร การพูดคุยกันผ่านจิตเลย มันคือการตั้งมั่นในสมาธิ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการพูดจาสื่อสารกันผ่านจิต

ขณะที่กล่าวอ้างเรื่อง พระพุทธเจ้า และ พระภิกษุ 500 รูป เข้าอาเนญชสมาธิพร้อมกันนั้น ระบุไว้ชัดเจนว่า

“ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคก็เสด็จออกจากสมาธินั้น รับสั่งเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า  "อานนท์ ถ้าเธอพึงรู้ไซร้  ความแจ่มแจ้งแม้นี้ก็ยังไม่ปรากฏชัดแก่เธอ  อานนท์ เรากับภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้  ทั้งหมดได้นั่งเข้าอาเนญชสมาธิ”

ไม่ได้มีตรงไหนที่บอกเลยว่า พูดกันผ่านสมาธิ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราและพระสงฆ์ 500 รูป เข้า อาเนญชสมาธิ เหมือนกัน คือเข้าสมาธิแบบเดียวกัน ไม่ได้บอกว่าเข้าสมาธิคุยกัน

ด้าน ดร.อธิเทพ ผาทา ผู้เขียนบทความ ที่ถูกเพจ นิรมิตเทวาจุติ ยกบทความไปอ้างว่า การเชื่อมจิตมีจริงในพระไตรปิฎก  ก็ได้โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า บทความของตนถูกดัดแปลง เพราะตนเขียนบทความไว้สองชิ้น ชิ้นแรกตนเขียนว่า “การเชื่อมจิตไม่มีอยู่จริงในพระไตรปิฎก”  ตนเขียนด้วยภาษาที่ทำให้ชาวบ้าน ประชาชนทั่วไปมาอ่านแล้วเข้าใจง่ายขึ้น

การเอาบทความตนไปดัดแปลง ไปสนับสนุนเรื่องการเชื่อมจิต มันไม่ถูกต้อง การเชื่อมจิตของคนกลุ่มหนึ่งที่ไปทำกัน เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา เอานิ้วไปสัมผัสหน้าผาก แล้วบอกว่าเชื่อมจิตได้ มันไม่มีอยู่จริง หากตนพูดแบบนี้แล้วจะมีใครมาฟ้องร้องตน ตนก็จะฟ้องกลับเช่นกัน ฐานที่เอาบทความของตนไปดัดแปลง

คุณอาจสนใจ

Related News