สังคม

ส.ว.หวังได้รัฐบาลเสียงข้างมาก บ้านเมืองรอสภาสูงหมดวาระไม่ได้

โดย nutda_t

24 ก.ค. 2566

266 views



นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทย ส่งตัวแทนมาพูดคุยกับ ส.ว. เพื่อขอให้สนับสนุนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าได้รับการติดต่อจากคนของพรรคเพื่อไทยจริง แต่ตนตอบกลับไปว่าไม่ต้องมาพบ เนื่องจากเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีการเชิญพรรคการเมืองอื่นไปพูดคุย หากจะแยกขั้วหรือสลับข้าง ก็ต้องเอาให้ชัด ถ้ายังไม่ชัดก็ต้องเลื่อนออกไป ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่า ส.ว. มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากให้มาพบ ก็จะเหมือนกับเขามาสมัครองค์กรอิสระ แล้วมาวิ่งเต้นกับเรา มันไม่เหมาะสม ซึ่งตอนที่พรรคก้าวไกลจะมาขอพบตนก็ตอบในแบบเดียวกัน


เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย ยังไม่ชัดเจนว่าจะเอา หรือไม่เอาพรรคก้าวไกล การมาคุยกับส.ว. ก็จะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เราไม่ได้ติดที่จะมีหรือไม่มีพรรคก้าวไกล แต่ติดที่นโยบายมาตรา 112 และความมั่นคงแห่งรัฐ การร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ที่มีแนวคิดอันตราย รวมถึงการทำประชามติขอแยกตัวเป็นรัฐปัตตานี

“เราไม่ได้รังเกียจพรรคก้าวไกล แต่ขอให้เขาเลิกนโยบายไปได้หรือไม่ในบางเรื่อง ถ้าเลือกได้ เราก็ยินดี แต่จะให้เราไปโหวตคว่ำก้าวไกล แล้วไปเปลี่ยนสูตร แบบนี้ไม่เอา มันไม่ใช่หน้าที่เรา ผมก็เห็นว่าไปชวนพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ มาคุยกันเยอะแยะไปหมด คุณจะเอายังไง คุณก็ต้องบอกเรา เหมือนผมเป็นแขกไปร่วมงานแต่งงาน คุณจะเอาเจ้าสาวคนไหน ก็ต้องเอาให้เคลียร์”


เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย มีการติดต่อพูดคุยกับ ส.ว.คนอื่นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เนื่องจากติดประชุมวุฒิสภาแต่เช้า แต่ก็มีคนจากพรรคเพื่อไทย ประสานมา แต่ตนคงทำหน้าที่แทนคนอื่นไม่ได้ เหมือนกรณีพรรคก้าวไกลเคยติดต่อมา ขอให้ตนเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของ ส.ว. ซึ่งก็ตอบไปว่า ตนเป็นหัวหน้าใครไม่ได้ ก็เหมือนกับที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกให้ตนไปเจรจากับคนบางคน ตนก็ทำไม่ได้เช่นกัน




ด้าน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า การที่พรรคเพื่อไทยติดต่อขอคะแนนเสียงจาก ส.ว.เหมาะสมหรือไม่ ว่า ไม่มีคำว่าเหมาะสม ตอนนี้ทุกคนพยายามหาทางแก้ปัญหา หาทางออกให้กับประเทศ คงพยายามเต็มที่


ส่วนมองว่าขัดต่อบทบัญญัติ ส.ว.ในการคุยกับพรรคการเมือง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า มีแค่ข้อกำหนดที่เราทำหน้ากลั่นกรอง ไม่ใช่ห้ามการพูดคุย ซึ่งคุยนอกรอบก็คงคุยกันอยู่ เป็นการแสดงเจตจำนงที่ดี ทำอย่างเปิดเผย โดยส่วนตัวไม่มีใครติดต่อมา


แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ยังชี้แจงถึงจุดยืนเดิมของตนก่อนหน้านี้ เพราะมีความขัดแย้งค่อนข้างมาก เราก็เห็นด้วยในหลักที่ ส.ว.ไม่ควรมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี แต่พอหลังเลือกตั้งมา เกิดสิ่งที่ไม่อาจจะเคลื่อนได้ เหมือนกับไม่ทันได้แก้ก่อนก็มีการเลือกตั้ง พร้อมย้ำว่า โดยส่วนตนติดเรื่องม.112 เพราะเชื่อว่าประชาชนเดือดร้อนเรื่องปากท้อง และการคอร์รัปชัน ไม่ใช่เรื่องการไปยุ่งเกี่ยวการละเมิดสถาบัน พอพ้นจุดนั้นไปแล้ว ก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้เขาแก้ปัญหา วันที่ 27 ก.ค.นี้ จะเป็นอย่างไร ยังนึกไม่ออก


หากการโหวตรอบต่อไป พรรคก้าวไกลถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้าน และมีสมการพรรคการเมืองใหม่เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะโหวตให้หรือไม่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ย้ำว่า การเมืองพูดเรื่องของการคาดเดาไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นมีเงื่อนไขมากมาย โดยส่วนตัวพร้อมจะอยู่ในหลักการเดิม แต่บางครั้งอยู่ในจุดที่ประเทศชาติจะไปไม่ได้อย่างครั้งที่แล้ว ก็ได้คุยกันแล้วว่าหากก้าวไกลถอย ก็จะเป็นแบบเดียวกัน แต่คราวหน้าไม่รู้ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร ยังตอบไม่ได้


ส่วนมองว่าจะเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี 27 ก.ค.นี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ฟังจากสื่อว่า ส.ว.หลายคนอยากให้เลื่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าอยากให้ได้รัฐบาลโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการเดินหน้าโหวตไปก่อน ให้เป็นไปตามครรลอง ตามเสียงข้างมาก เป็นผู้ที่จัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ใช่สวิตช์กลับไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะแย่มาพอสมควรแล้ว




ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือ เลขานุการวิปวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย มอบหมายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นคณะพูดคุยกับวุฒิสภา โดยยืนยันว่า วุฒิสภาไม่ได้รับการประสานงานอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่า จะมีการประสานงานแบบส่วนตัว หรือเป็นกลุ่ม เพื่อขอการสนับสนุน เพราะพรรคเพื่อไทย ก็รู้จักกับ ส.ว. ผ่านการทำงานการเมืองอยู่บ้าง และเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะรับทราบผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 และ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดยืนของ ส.ว. แล้ว และจะนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจต่อไป


ส่วนจุดยืนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐสภา ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะยังคงลงมติให้ความเห็นชอบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายวันชัย ย้ำว่า พรรคใดที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรได้ ตนเองก็พร้อมจะลงมติสนับสนุนให้ เพราะจุดยืนของตนเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง


นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีความเห็น ให้เลื่อนการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ออกไปก่อนว่า หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีความพร้อม และประเมินได้ว่า สามารถรวบรวมเสียงรัฐสภาได้เกิน 375 เสียง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนการประชุมออกไป เป็นเพียงพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยังไม่มั่นใจ ก็สามารถขอเลื่อนออกไปก่อนได้ เพราะหากมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแล้ว รัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบ ก็จะเสียภาพลักษณ์ และประชาชนก็จะไม่มีความเชื่อมั่น พร้อมยอมรับด้วยว่า กรรมาธิการบางคณะของวุฒิสภา ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะในคณะกรรมาธิการการเมืองของวุฒิสภา ที่เห็นว่า หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีความพร้อม ก็สามารถประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทันที แต่หากไม่พร้อมและต้องการจะเลื่อน สมาชิกวุฒิสภาก็ไม่ขัดข้อง


ส่วนกรณีที่มีผู้แสดงความคิดเห็น ให้วุฒิสภาชุดนี้หมดวาระแล้วจึงค่อยเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายวันชัย เห็นว่า เป็นเพียงการเสียดสี หรือประชดประชันที่เกิดขึ้น แต่บ้านเมืองไม่สามารถรอได้ และเชื่อว่า ความสามารถของพรรคเพื่อไทย น่าจะสามารถประสานเสียงทุกภาคส่วนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ และสมาชิกวุฒิสภา ก็มีความหวังที่จะเห็นรัฐบาลจัดตั้งสำเร็จ และไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า


นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่หากพรรคก้าวไกล ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน จะทำให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองขึ้นอีกหรือไม่ว่า ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่รัฐบาล จะต้องจัดการบริหารบ้านเมืองให้ปรกติให้ได้ ซึ่งฝ่ายที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็จะต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งก็สามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ มีส่วนช่วยในการบริหารบ้านเมือง ให้เรียบร้อย โปร่งใส

คุณอาจสนใจ

Related News