เศรษฐกิจ

'สมชาย' เตือนรัฐบาล อย่าหมกมุ่นแต่กับเหรียญดิจิทัล ระวังยิงปืนนัดเดียว ไม่ได้นกสักตัว

โดย petchpawee_k

28 ต.ค. 2566

178 views

 'สมชาย' เตือนรัฐบาลอย่าหมกมุ่นแต่กับเหรียญดิจิทัล ถามคุ้มหรือไม่ ใช้เงินทำโครงการเทหมดหน้าตักเหมือนเล่นการพนัน เหน็บ เศรษฐกิจก็กระตุ้น ดิจิทัลก็ทำ ระวังยิงปืนนัดเดียว ไม่ได้นกสักตัว เเซะ มีคนไม่อยากใช้เป๋าตังค์ เพราะติดกลิ่นอาย 'ลุงตู่'


วานนี้ (27 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวเวทีสัมมนาเรื่องปักหมุดประชานิยมอย่างไรให้การเมืองไทยพัฒนา ของกรรมาธิการพัฒนาการเมือง วุฒิสภา ถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า เมื่อเสนอนโยบายหาเสียงแล้วก็ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะการเดินหน้าประเทศ ซึ่งตนเองเห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะประเทศไทยติดกับดัก ประเทศที่กำลังพัฒนานานมาก จนเพื่อนบ้านแซงเราไปหมดแล้ว ซึ่งเราขาดในหลายเรื่องทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว


แต่ด้วยเราเจอปัญหาโควิด และล่าสุดมีสงครามในอิสราเอลกับฮามาส ดังนั้น การทุ่มเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าจะทำให้ เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจแต่ถ้าหากไม่เกิดอาจจะทำให้เกิดหายนะในอนาคตได้ จึงต้องระมัดระวัง


นายสมชาย กล่าวว่า เรายังสงสัยในหลายเรื่อง ซึ่งนักวิชาการและหลายภาคส่วนออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ จึงต้องคำนึงให้รอบคอบในสิ่งที่ได้กับหายนะ ที่อาจจะเสี่ยง


"ตัวเลข 560,000 ล้านบาท ประมาณ 3% ของ GDP หากเทียบกับงบประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท งบลงทุนประเทศประมาณ 30% เหมือนเป็นการใช้เงินลงทุนใหม่ แล้วทุ่มไปกับเงินดิจิทัลวอลเล็ตหมดหน้าตัก เหมือนกับพนันเลย และ GDP จากการคำนวนเพียงแค่ 1% หรือ 0.8 จึงถามว่าคุ้มหรือไม่กับความเสี่ยง ซึ่งถ้าไม่ให้ผิดกฎหมาย ก็ต้องมาจากงบประมาณของแผ่นดิน และต้องนำเงิน 560,000 ล้านมาใช้ แล้วเงินที่จะนำไปใช้โครงการอื่นหายไปไหน ก็ถูกดันออกไป ถูกเลื่อนไปใช้ในปีงบประมาณปี 2568-2569 ถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จก็โอเค แต่ถ้าไม่สำเร็จโครงการที่ถูกเลื่อนจะทำอย่างไร ในอดีตก็เคยมีให้เห็น หากถามว่าคุ้มไหม ผมคิดว่าไม่คุ้ม จะให้คัดค้านแบบสุดโต่งคงไม่คัดค้าน และคิดว่าทางออกยังมี ประชาชนอยากให้เพื่อถ่ายมาเป็นรัฐบาลเพราะอยากให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมต้องไปรอเริ่มจ่ายในเดือนเมษายน ทำไมไม่ทำวันนี้”


"ถ้าเลิกหมกมุ่นกับเหรียญดิจิทัล แล้วกลับมาทุ่มเท รัฐบาลผ่านมา 2 เดือนแล้ว ทุ่มเททำตั้งแต่วันนี้เลย คงทำได้ เงินคงค้างก็มี 160,000 ล้านบาท ประกาศไปเลยตั้งแต่ 1 มกราคม 67 ผมเลื่อนให้เร็วขึ้นด้วย จ่ายเดือนละ 1,000 บาท ให้กับคนที่อยู่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเปราะบาง 16 ล้านคน คิดเป็นเงิน 160,000 ล้านบาท ต้องมีคำถามว่าอายุ 16 ปีหรือไม่ ไม่ต้องพิสูจน์ความรวย เพราะพิสูจน์ความจนง่ายกว่า ชัดเจนว่ากลุ่มเปราะบางต้องการความช่วยเหลือ จ่ายเงินไปเลย 10 เดือน ถ้ามีงบก็เพิ่มให้อีก เป็น 12 เดือน"


นายสมชาย ยังเห็นด้วยกับการนำนโยบายคนละครึ่งมาใช้ ซึ่งสามารถทำได้ทันที คนที่จะได้ประโยชน์ก็เป็นคนทุกชนชั้น ไม่ต้องไปอาย เพราะแอปเป๋าตังค์ลงทุนไปแล้ว 12,000 ล้านบาทต่อปี ใครจะเถียงตนให้ไปเถียงกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย    


 "เพราะเมื่อวานนี้ชัดเจนแล้วว่าที่ประชุมอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้แพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย แล้วธนาคารกรุงไทย ก็ใช้แอปเป๋าตังค์ แต่ไม่อยากใช้ชื่อแอปเป๋าตังค์ เพราะมีกลิ่นอายลุงตู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายประจำ เพราะมีจิ้งจกตุ๊กแกบอกผมว่ามีคนไม่อยากได้ยินชื่อไม่อยากได้ยินชื่อ และ Super app ไม่มีจริง นี้จะเป็นหน้ากากไปติดหน้าร้าน ชื่อแอปเป๋าตังค์ เป็นแอปเป๋าตุง นี่แหละ Super app แต่พอไปดูข้างในก็คือแอปเป๋าตังค์"


นายสมชาย ย้ำว่า รัฐบาลนี้คิด 2 เรื่อง คือเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล มองว่ากันทำ 2 เรื่องด้วยกระสุนนัดเดียวแทนที่จะได้นก 2 ตัว และนกบินไปหมดเลย สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย


ด้านนายจเด็จ อินสว่าง รองประธานกมธ.พัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า ประชานิยม คือ โครงการที่ทำให้ประชาชนรัก ซึ่งมีมานานแล้ว เพราะใครๆ ก็อยากให้ประชาชนรัก แม้แต่ สว.ที่จะมาจากการสรรหา แต่ก็ได้รับเสียงการทำประชามติ ก็อยากให้ประชาชนรักเช่นเดียวกัน ซึ่งประชานิยมมี 2 แบบ คือประชานิยมที่ก่อให้เกิดความรักอย่างเดียว และประชานิยมที่ก่อให้เกิดความเชื่อถือศรัทธา แต่ปัจจุบันเป็นประชานิยมที่ไร้ขอบเขตประชานิยมที่ลด แลก แจก แถม โดยเฉพาะการแจกเงินไม่ใช่เรื่องของประชารัฐ แต่เป็นเรื่องของประชานิยมอย่างเดียว ก็เลยทำให้คิดว่าการเมือง เป็นการเมืองของใคร แต่ไม่ใช่การเมืองของประชาชนเป็นการเมืองของนายทุน เป็นการเมืองของนักธุรกิจที่เรียกว่า "ธุรกิจการเมือง"


แล้วเมื่อแจกเงิน ลด แลก แจก แถมกันบ่อยเข้าก็จะเป็นวัฒนธรรมที่ผิดๆ ในทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ที่ทำร้ายและทำลายการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อการเมืองไม่ใช่การเมืองของประชาชนอะไรๆ ก็ผิดหู ผิดตา ผิดฝั่งผิดฝา ติดกระดุมผิด เมื่อทำเป็นธุรกิจการเมืองแล้วก็ต้องมีผลตอบแทน เมื่อการเมืองไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง การแจก การให้ไม่ได้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. เป็นการสัญญาว่าจะให้ หนักเข้าก็เป็นการสัญญาว่าจะให้เงินนอกงบประมาณ จนถึงทุกวันนี้ ก็กลืนไม่เข้า คายไม่ออก

https://youtu.be/PaINiVGjKgI

คุณอาจสนใจ

Related News