เลือกตั้งและการเมือง

'ธรรมนัส' ชี้คุยเพื่อไทย ไม่ใช่หารือร่วมจัดตั้งรัฐบาล ย้ำ พปชร. ไม่ร่วมพรรคแตะ ม.112

โดย passamon_a

24 ก.ค. 2566

179 views

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.66 ภายหลังการหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เรื่องเงื่อนไขการโหวตนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค, ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้ประสานงานสมาชิกวุฒิสภาของพรรค, นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ได้เดินทางถึงที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ


โดยเจ้าหน้าที่ได้รีบเชิญให้สื่อมวลชนขึ้นไปที่ชั้น 5 ของที่ทำการพรรค เพื่อรอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งได้มีการปิดประตูโดยรอบพรรค และได้ประสานตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ให้เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการพรรค เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มทะลุวังได้เคลื่อนย้ายจากพรรคเพื่อไทยเพื่อมากดดันพรรค


โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขออภัยที่ต้องย้ายสถานที่ในการแถลงข่าว หลังจากที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐและทีมงาน ได้หารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยนายสันติจะเป็นผู้แถลงผลการหารือ


ด้าน นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย ว่า วันนี้ถือโอกาสเรียนสื่อมวลชนทุกท่าน พรรคพลังประชารัฐได้รับเกียรติจากพรรคเพื่อไทย ที่เชิญพรรคไปพูดคุย โดยมีตน ร.อ.ธรรมนัส และนายไผ่ ลิกค์ เป็นการรับเชิญจากพรรคเพื่อไทย ในการพูดคุย แก้ปัญหาวิกฤต ของการตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมือง เนื่องจากหลังจากเลือกตั้งเป็นเวลาถึง 2 เดือนกว่า ยังมีอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาบริหารบ้านเมือง ซึ่งถ้ามันช้ามากจะทำให้เกิดปัญหาหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงต่าง ๆ


ทั้งนี้ ต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และรองหัวหน้าพรรคของพรรคเพื่อไทย ที่ได้เชิญเราไปปรึกษาหารือ ว่าจะแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองในครั้งนี้อย่างไรเพื่อบ้านเมือง ดังนั้นตน ร.อ.ธรรมนัส และนายไผ่ ลิกค์ ได้รับการมอบหมายจากพรรคพลังประชารัฐในการพูดคุย ซึ่งการพูดคุยในวันเดียวกันนี้ เราได้รับความรู้สึกที่ดี และปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา ทางพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าเรายึดมั่น ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างแน่วแน่ และเพื่อให้ชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความผาสุก อยู่ดีกินดี รวมถึงการพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองด้วยระบบประชาธิปไตย


นายสันติ กล่าวต่อว่า ซึ่งในหลักการดังกล่าว พรรคพลังประชารัฐได้แจ้งทางพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคที่เราจะร่วมทำงานได้นั้นจะต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว ทางพรรคเราไม่สามารถที่จะร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ จึงได้ยืนยันกับทางพรรคเพื่อไทยไปว่าตรงนี้ ถือเป็นหลักการสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เราจะปฏิเสธการทำงานกับพรรคก้าวไกล ที่มีนโยบายจะแก้ไขมาตรา 112 เพราะเราอยู่ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และในรัฐธรรมนูญ ได้เขียนอยู่แล้วว่า เรามีหน้าที่เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นการที่จะไปแก้ไขมาตรา 112 นั้นเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐรับไม่ได้ และเราแสดงความเจตจำนงที่แน่วแน่ของเราแล้ว


เมื่อถามว่าการพูดคุยกันวันนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยกัน ไปแสดงเจตจำนงว่าเราคิดอย่างไรในการรีบตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อบ้านเมืองหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยในขั้นตอนถัดไป


ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเสริมว่า วันนี้เป็นการหารือเพื่อหาทางออกจากวิกฤต ไม่ใช่เป็นการหารือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ย้ำว่าไม่มีการเชิญไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน


เมื่อถามต่อว่า หมายความว่าในอนาคตหากมีการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะไม่มีพรรคพลังประชารัฐก็ได้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบาย แนวทางและอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่เหมือนบางพรรค ดังนั้นการทำงานร่วมกันเรามองเห็นปัญหาในอนาคต ซึ่งกรรมการบริหารพรรค ได้ประชุมและมีจุดยืนชัดเจนว่า หากจะต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรค ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน เราขอไม่ร่วมดีกว่า ตรงนี้ชัดเจน


เมื่อถามว่าวันนี้เป้าประสงค์หลักของพรรคเพื่อไทย คือต้องการให้พรรคพลังประชารัฐสนับสนุน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย การขอคะแนนเสียงหนุน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ที่มีการพูดคุยกันทางเพื่อไทยได้พูดชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยเชิญทุกพรรคในจำนวน 188 เสียง เขาเชิญทุกพรรคไปหารือเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตบ้านเมือง


เมื่อถามว่าทางออกที่เสนอพรรคเพื่อไทยไป มีข้อเสนออย่างไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่าทางออกควรจะเป็นอย่างไร นายสันติ กล่าวว่า เราได้แจ้งแนวทางของเราไปแล้วว่าหากพรรคใดที่มีแนวคิดว่าจะแก้ไขมาตรา 112 เราก็คงร่วมทำงานด้วยไม่ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะได้นำไปคิดไตร่ตรองและวางแผน เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้แจ้งมาว่าได้รับฉันทานุมัติจาก 8 พรรค เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาพูดคุยกันในแต่ละพรรค รวมถึงพูดคุยกับ สว.


หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะมาคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤตของบ้านเมืองในครั้งนี้ได้ แต่ประเทศจะขาดรัฐบาลในการบริหารเป็นเวลานานไม่ได้ เพราะผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้ว จึงต้องรีบและความจริงก็เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรค สส.และสว. ทุกคนที่ต้องช่วยกัน เร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อบริหารประเทศ เพราะถึงอย่างไรเราก็จะต้องมีหัวหน้ารัฐบาลในการติดต่อประสานงานกับทั่วโลก


ประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวประเทศเดียว เราจำเป็นต้องมีรัฐบาลเพื่อให้ต่างชาติได้เห็นถึงความมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการบริหารประเทศ นักลงทุนจะได้กล้าเข้ามาลงทุนในบ้านเรา และจะได้รู้นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน


เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยตอบหรือไม่ว่าจะต้องได้นายกฯในวันที่ 27 ก.ค. นายสันติ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยก็คงมีความตั้งใจอย่างนั้น จึงมีการเชิญขั้วพรรคการเมืองเก่ามาร่วมหารือ ว่าแต่ละพรรคมีแนวคิดอย่างไร และมีข้อจำกัดอย่างไร รวมถึง สว.ด้วย เพื่อที่จะได้ไปหาแนวทาง เพื่อให้พ้นวิกฤตในครั้งนี้


เมื่อถามว่าสรุป ถ้าจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐก็พร้อมที่จะร่วมรัฐบาลเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลักการของพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นการจะร่วมรัฐบาลกับใคร หากมองเห็นว่าจะเกิดความแตกแยกในสังคม เราจะไม่ขอร่วมด้วย ตรงนี้ชัดเจน


เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยใช่หรือไม่ ที่ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เรามีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว และมีความชัดเจนว่าเราจะต้องก้าวข้ามความขัดแย้งบนพื้นฐานอะไรบ้าง


เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐาแล้ว ไม่สามารถผ่านการเห็นชอบจาก ส.ว.ได้ อาจมีการเสนอชื่อ พลเอกประวิตร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีจำนวนสมาชิกรัฐสภาสนับสนุน เกินกึ่งหนึ่ง หากเสียงไม่พอเราไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะมันจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมมากกว่า


เมื่อถามว่า บรรยากาศการจับขั้วรัฐบาลมักจะมีข่าวว่ามีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร จะชี้แจงอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรามีมติชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคหาเสียงสนับสนุนต่ำกว่าต่ำกว่า 250 เสียงตรงนี้ชัดเจน และเป็นนโยบายของพลเอกประวิตรด้วย


เมื่อถามว่าทำไมจึงมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางเป็นพรรคไม่มีลุง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ยังเป็นหัวหน้าพรรค และถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง การที่จะรับตำแหน่งอะไรในอนาคตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งท่านจะทำอะไรก็คงจะนึกถึงเกียรติประวัติที่ท่านสร้างมา


ส่วนวิสัยทัศน์ของคนที่จะเป็นนายกฯคนที่ 30 จะต้องเป็นแบบไหน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คนที่จะมาเป็นนายกฯคนที่ 30 ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะเป็นผู้นำพาบ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งปัญหาทุกวันนี้ เพราะปัญหาทุกวันนี้ที่ถกเถียงกันอยู่เป็นเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ที่เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แต่นักการเมืองในสภาฯกำลังเถียงอะไรกันอยู่


ดังนั้นคนที่จะมาเป็นผู้นำของประเทศชาติ จะต้องนำพาประเทศชาติให้รอดพ้น เราผ่านวิกฤตโควิดมาแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะแก้ปัญหาวิกฤตให้รอดพ้น โดยเฉพาะปากท้องของประชาชน ดังนั้นนายกฯคนต่อไปจะต้องเป็นบุคคลที่มีความพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม การนำพาเศรษฐกิจให้รอด ถือเป็นเรื่องสำคัญ


เมื่อถามว่าไม่ห่วงปัญหากลุ่มที่ออกมาต่อต้าน และด้อมส้ม จนทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติในการจัดตั้งรัฐบาลก็มักจะมีปัญหาแบบนี้ แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารบ้านเมืองไปแล้ว สิ่งสำคัญคือคนที่จะมาเป็นผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็น ว่าสามารถนำพาประเทศไปได้ ทั้งการแก้ปัญหาวิกฤตและเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Wodqm4bfxfc

คุณอาจสนใจ

Related News