สังคม

สายไหมต้องรอดบุกช่วยเด็กวัย 5 ขวบ ถูกแม่ตี หูฉีก

โดย onjira_n

22 ก.ค. 2566

703 views

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งทีมสายไหมต้องรอด นำทีมพร้อมกับตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เข้าให้ความช่วยเหลือ เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ในซอยพระยาสุเรนทร์  เขตคันนายาว หลังเมื่อวานนี้ช่วงค่ำ ทางทีมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีและคุณยายว่า น้องถูกทำร้ายร่างกายจาก น.ส.ส้ม อาย 24 ปี ผู้เป็นแม่จน ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า ลำตัว และหูด้านซ้ายฉีกขาด


โดยทันทีที่ทีมข่าวลงพื้นที่ พบว่าทางน้องได้มาพักอาศัยชั่วคราวอยู่กับยายและพลเมืองดีในท้องที่ สน.คันนายาว โดยมีสภาพร่างกายบาดแผลฟกช้ำทั่งร่างกายและมีอาการเหมอลอย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ พม. และทีมสายไหมต้องรอดได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กและยายก่อนจะพานำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย



โดยนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ระบุว่า ทันทีที่ได้รับแจ้งความช่วยเหลือ จึงรีบประสานกับทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม. ให้เข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าทางเด็กถูกแม่แท้ ๆ ทุบตีและทำร้ายร่างกายเป็นประจำ จนมีบาดแผลและฟกช้ำตามร่างกาย หนักสุดคือเมื่อคืนที่ผ่านมา น้องถูกแม่ปาโทรศัพท์ใส่หัวจนปูดบวมและบิดหูข้างซ้ายจนมีบาดแผลฉีกขาด



นอกจากนี้ ตัวแม่เด็กเองมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ซึ่งสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายลูกเกิดจากการเมาฤทธิ์ยา อีกทั้งตัวน้องเองก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เนื่องจากถูกเลี้ยงดูแบบปล่อยปะละเลย  ตนเลยประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ พม. มานำตัวเด็กไปดูแลสงเคราะห์ตามกฎหมาย และอยากให้ทางตำรวจนำตัวแม่เด็กไปดำเนินคดี เนื่องจากทราบว่าตัวแม่เด็กเองมีลูกเล็กวัย 8 เดือนอีกคนหนึ่ง ซึ่งตนก็กังวลในเรื่องของความปลอดภัยและอยากให้อยู่ในการสงเคราะห์ของทาง พม.



อีกทั้งอยากให้ตำรวจ สน.บางชัน ซึ่งเป็นท้องที่ที่แม่เด็กพักอาศัยและทำร้ายร่างกายลูก นำตัวแม่เด็กไปตรวจสารเสพติดและตรวจสอบว่าแม่เด็กได้ยาเสพติดมาจากใคร รวมทั้งฝากกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ด้วย



ด้านคุณนภัสวรรณ แย้มเมือง เจ้าหน้าที่ พม. ระบุว่า จากการพูดคุยกับ น้องนูรีนตัวน้องเองก็ พูดอย่างชัดเจนว่าถูกแม่ทำร้าย ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องพูดคุยกับเด็กเพื่อหาสาเหตุ และรายละเอียดของการทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นทางพม จะรับตัวน้องนูรีนไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลที่บ้านเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจะพา ไปตรวจร่างกาย และสภาพจิตใจ รวมถึงประเมินการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ด้านการศึกษาและที่พักอาศัย นอกจากนี้ จะต้องประเมินเด็ก 8 เดือนซึ่งเป็นลูกของผู้ก่อเหตุอีกคนว่าสมควรที่จะอยู่ในการคุ้มครองของทาง พม. หรือไม่


ต่อมา ทางทีมสายไหมต้องรอด พร้อมตำรวจ สน.คันนายาว และเจ้าหน้าที่ พม. พาทีมข่าวไปตรวจห้องเช่าห้องหนึ่งที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากบ้านของพลเมืองดีที่น้องหลบหนีมาอยู่ด้วยประมาณ 600 เมตร ในท้องที่ สน.บางชัน โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึง ได้เชิญตัว น.ส.ส้ม แม่ของเด็ก วัย 24 ปี ออกมาพูดคุย ก่อนจะพบผ้าอ้อมเปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นเลือดของน้องนูรีน พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล


หลังจากนั้น ยายของเด็กได้นำตัว น.ส.ส้ม ไปพูดคุยกันภายในบ้าน ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าว เห็นว่า บรรยากาศการพูดคุยของทั้งสอง ต่างคนต่างร้องไห้ ก่อนที่ทางแม่เด็กพร้อมยายจะเดินออกมาจากบ้านเพื่อชี้แจงผ่านสื่อมวลชน


โดย น.ส.ส้มยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป โดยสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เสพยาก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกายลูก ประกอบกับตนเกิดอารมณ์ โมโหจากการที่เด็กไม่ช่วยดูแลน้องวัย 8 เดือนที่กำลังร้อง แต่เด็กกับหยิบโทรศัพท์มาเล่น ตนเลยคว้าโทรศัพท์มาเขวี้ยงใส่น้องและมีการทุบตีกัน ส่วนบาดแผลที่หูนั้นตน ไม่ทราบว่าไปโดนอะไรมา แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ



น.ส.ส้มยังรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้ตีลูกหลายครั้ง แต่ ที่ทำไปเพราะอารมณ์โมโหและฤทธิ์ยาเสพติด อีกทั้งความเครียดที่ต้องดูแลลูกวัย 8 เดือนอีกคน ซึ่งหลังจากนี้ ตนสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วจะยินยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมทั้งกล่าวขอโทษต่อสังคม ตนรู้สึกสำนึกผิดหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อคืนนี้หลังจากที่ลูกออกจากบ้าน ตนก็ยังติดต่อกับยายเด็กว่า ขอเอาลูกกลับมา ตนรู้สึกผิดไปแล้ว น.ส.ส้มยังขอโอกาสที่จะได้ดูแลลูกหลังจากนี้ แต่ทางมารดาของ น.ส.ส้มปฏิเสธ เพราะอ้างว่านางสาวส้มทุบตีลูกหลายครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา



จากนั้น ทางตำรวจ สน.คันนายาว ได้นำตัวแม่เด็กพร้อมยายไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.บางชัน ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อรอการเข้าแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ พม. และสอบปากคำต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News