สังคม

อดีตแม่บ้านทูตพ้อทำงานจนตาบอด 2 ข้าง ขอเยียวยากลับไร้คำตอบ อ้างไม่มีกฎหมายรองรับ สิ้นหวังจนเดินให้รถชน

โดย panisa_p

30 มิ.ย. 2566

188 views

นางสาวรัตน์ตพร อายุ 45 ปี อดีตแม่บ้านประจำสถานทูตไทยในต่างประเทศ ร้องผ่านทีมข่าวว่า ชีวิตของเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไปทำงานที่สถานทูตฝรั่งเศส เมื่อปี 2553 ซึ่งก่อนที่เธอจะเดินทางไป เธอเคยทำงานที่สถานทูตไทยในกัมพูชา ตอนนั้นร่างกายเธอปกติดีทุกอย่าง แต่มีเพียงสายตาสั้นและเอียงเพียงเล็กน้อย และเมื่อเจ้านายย้ายไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส เธอก็ตามไป


แต่ทำไปได้ไม่นาน เธอรู้สึกว่าปรับตัวกับอากาศที่หนาวเย็นไม่ได้ ประกอบกับสถานที่ที่เธอพักอาศัย เครื่องทำความร้อนก็เสียบ่อย จึงไปขอลาออก โดยขอถึง 2 ครั้ง แต่เจ้านายไม่อนุญาตให้ลาออก เธอก็ทนทำงานต่อไป จนสุขภาพเธอแย่ลง มือเริ่มเกิดแผลหนองอักเสบ เพราะน้ำที่เย็นจัดในการล้างถ้วยชาม รวมถึงสภาพอากาศ แต่ช่วงนั้นเธอก็ยังมองเห็น


จนมาวันหนึ่ง เธอเริ่มสังเกตว่า การมองเห็นของเธอแปลกไป จากที่เคยมองชัดกลับเลือนราง จนดวงตาด้านซ้ายบอดมองไม่เห็น เธอก็บอกนายจ้าง ซึ่งนายจ้างก็พาไปรักษา แต่ด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจกัน เธอจึงขอกลับมารักษาที่ไทย และแพทย์ที่ไทยก็ลงความเห็นว่า เซลล์ประสาทตาสูญเสีย ไม่สามารถรักษาได้ และเธอก็ได้รับข่าวร้ายว่า เจ้านายได้ให้เธอกลับไทยและไม่ต้องไปทำงานที่ฝรั่งเศสอีก


นางสาวรัตน์ตพร เผยว่า เธอต้องทนทุกข์มานานในการรักษาสุขภาพและดวงตา ซึ่งการไปหาหมอที่ฝรั่งเศสและรักษาที่ไทยนั้น เธอออกค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด เจ้านายไม่เคยดูแล และการที่เธอสูญเสียดวงตาก็เพราะการทำงานที่ต่างประเทศ เธอจึงไปเรียกร้องเงินชดเชยค่าดูแลต่างๆ ที่กระทรวแรงงานและกระทวงการต่างประเทศ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า การที่เธอติดตามไปดูแลและทำงานที่สถานทูตนั้น ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีประกันสังคม เพราะเงินเดือนที่รับมานั้นเป็นเงินสด ไม่มีหลักฐานอะไร และที่เธอไปต่างประเทศไปในฐานะผู้ติดตามอีกด้วย


ซึ่งหากอยากได้เงินเยียวยาก็ไปดำเนินการฟ้องร้องเอาเอง เธอได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจและคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะตอนนั้นเธอสูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้างแล้ว 100% ซึ่งนางสาวรัตน์ตพร ก็ไม่ท้อ เดินหน้าขอความเป็นธรรม ร้องเรียนที่ต่างๆ หลาย 10 แห่ง ทั้งที่ตาบอด แต่ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้เลย


กระทั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เธอได้รับข่าวว่า เรื่องที่ยื่นไป ศาลไม่รับพิจารณาคดี ประกอบกับขณะนั้นแม่ของเธอก็เข้า รพ.พอดี ทำให้เธอทนไม่ไหวกับสิ่งที่เจอ เพราะเหนื่อยทุกอย่างแล้ว จึงตัดสินใจเดินเพื่อให้รถชนเสียชีวิต แต่ก็มีพลเมืองดีมาช่วยไว้ทัน 


นอกจากนี้นางสาวรัตน์ตพร ยังบอกอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด ออกมาแก้ไขกฎหมายและเยียวยา เพราะหากไม่เกิดกรณีของเธอขึ้น ก็คงไม่มีใครรู้ว่าไม่มีกฎหมายรองรับการทำงานแบบเธอ ที่หลายคนมองว่าไปทำงานต่างประเทศจะได้เงินเยอะ มีชีวิตที่ดี แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แถมต้องมาสูญเสียดวงตา สูญเสียโอกาสในชีวิตหลายอย่าง

คุณอาจสนใจ