รัฐช่วยเหลือผู้ประสบภัย โรงงานพลุระเบิด เสียชีวิตครอบครัวละ 3 แสนบาท

นายกรัฐมนตรีสั่งการตรงจากสวิตซ์เซอร์แลนด์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยจากเหตุสถานประกอบการผลิตพลุ เกิดเหตุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งการจัดการผู้เสียชีวิตและการหาสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้



ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุสถานประกอบการผลิตพลุระเบิดที่ ต.ศาลาขา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มีการจัดการในสองส่วนสำคัญ คือที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต มาทำการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่วัดโรงช้าง ทั้ง 23 รายแล้ว เป็นหญิง 16 ราย ชาย 7 ราย แต่ยังกันพื้นที่เกิดเหตุไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป เพราะอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ให้เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี เข้าไปตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุของพลุระเบิดในครั้งนี้ โดยนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย



และตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่วัดโรงช้าง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม มาตั้งจุดรับเรื่องในการจ่ายเงินเยียวยา โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่มาติดตามเพื่อเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งโดยรวมครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับครอบครัวละประมาณ 3 แสนบาท



นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัย และเจ้าหน้าที่ในการเยียว ซึ่งต้องช่วยเหลืออย่างทั่วถึงเพราะเป็นการทำงานที่ให้ค่าจ้างรายวันและเหมาจ่าย ทำให้ไม่มีสวัสดิการอะไร รวมถึงยังมีเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตด้วย ส่วนการหาสาเหตุและการป้องกันพลุระเบิด กระทรวงมหาดไทยก็จะหามาตรการให้ดีขึ้น



ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต นำทีมชุด M-CATT มาพูดคุยกับผู้ประสบภัย ซึ่งนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า สภาพจิตใจมีความสำคัญหลังเกิดการสูญเสีย



ขณะที่พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ตั้งโต๊ะสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง ทั้งคนที่เคยทำงานและรอดชีวิต กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และรวบรวมดีเอ็นเอเพื่อทำการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ทำการคืนศพให้ครอบครัว ซึ่งพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำเจ้าหน้าที่มาดำเนินการให้เสร็จสิ้นที่วัดโรงช้าง คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน แต่บางรายอาจใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์