เลือกตั้งและการเมือง

'ส.ว.เสรี' หารือ กกต. ยื่นเอกสารเพิ่มกรณีคุณสมบัติ 'พิธา' - 'ส.ว.กิตติศักดิ์' ฟันธงชวดนายกฯ ส.ว.หนุนไม่เกิน 5 คน

โดย passamon_a

29 มิ.ย. 2566

74 views

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมด้วย ส.ว.บางส่วน เดินทางเข้าหารือกับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เรื่องคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล รวมทั้งได้มีการนำข้อมูลหลักฐาน หลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี มอบเพิ่มให้ กกต.


โดยประเด็นหลักที่หารือกับ กกต. ส.ว.เสรี บอกว่า คือเรื่องที่คณะกรรมการไต่สวนของ กกต.ดำเนินการสอบสวน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง


ต่อมา นายเสรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับ กกต. ว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ได้นัดมาหารือกับประธาน กกต. ถึงประเด็นปัญหาการทำงานของ กกต.ในช่วงเลือกตั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการแก้อุปสรรคสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า


ทั้งนี้ ได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายพิธา เกี่ยวกับความไม่ชัดเจนเรื่องทรัพย์สินและมรดก ยื่นให้ กกต.ด้วย เพื่อประกอบให้ กกต.ได้พิจารณาร่วมกับประเด็นการถือหุ้นไอทีวี ว่าเป็นการถือโดยทายาท หรือเป็นผู้จัดการมรดก พร้อมกันนี้ ยังขอให้ กกต.ทำหน้าที่ให้ปรากฏโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม


ส่วนระยะเวลาดำเนินการแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ทำไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่ยังไม่ได้ประกาศรับรอง ส.ส. ซึ่ง กกต.ได้ไต่สวนหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 อีกส่วนหลังประกาศรับรอง ส.ส. กกต.คงใช้อำนาจหน้าที่ในส่วนที่มีความปรากฎ


ขณะที่กระแสพรรคการเมืองซื้อ ส.ว.ให้โหวตเลือกนายกฯ นั้นเป็นแค่ข่าว ตนมองว่า ไม่น่ามีใครมาลงทุนกับ ส.ว.ได้ เราไม่สามารถปิดบัง เพราะสมัยนี้มีทั้งคลิป และการอัดเสียง ใครที่คิดจะทำถือว่าคิดผิด ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะ ส.ว.ทุกคนไม่น่าจะซื้อได้ อยู่ที่เหตุผลและความตรงไปตรงมา


ส่วนกรณีที่นายพิธา ให้สัมภาษณ์ก่อนรายงานตัวที่สภาฯ ว่าหากนำ ม.112 มาเป็นเงื่อนไขโหวตเลือกนายกฯ เหมือนเป็นการนำประชาชนมาปะทะกับสถาบันหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า แค่ข้อเสนอก็ขาดวุฒิภาวะแล้ว สิ่งที่เสนอมาชัดเจนแล้วว่ากระทบกับสถาบัน เมื่อ ส.ว.ไม่เห็นด้วยก็เป็นเหตุเป็นผล ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเอามวลชนมาให้เกิดการปะทะกัน การเป็นผู้นำประเทศหากต้องการให้ตนเองอยู่ในตำแหน่ง ควรเสนออะไรที่สร้างสรรค์ ไม่ให้เกิดความเห็นแตกต่าง


ด้าน นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงความเห็นของ ส.ว.ในการโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คลื่นลมสงบ ได้ข้อยุติแล้ว และมองว่า กลุ่ม ส.ว.ที่สนับสนุนนายพิธา น่าจะน้อยกว่า 5 คน ซึ่งสิ่งที่ ส.ว.ส่วนใหญ่ตัดสินใจ น่าจะเป็นการปิดสวิตซ์ตนเอง คือ การงดออกเสียง แต่ย้ำว่า ส.ว.มีเอกสิทธิ์ส่วนตัวในการลงมติอย่างไรก็ได้


เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเสียง ส.ว.ไม่ครบ ฟันธงว่านายพิธา ไปต่อไม่ได้เลยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าหากวันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าจะมีแคนดิเดตฯ มากกว่า 1 คน เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง พรรคที่ได้ ส.ส.เกิน 25 คน สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้


เมื่อถามว่ามีพรรคอื่น ที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล มาพูดคุยกับ ส.ว.เพื่อขอเสียงโหวตสนับสนุนเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคใด ที่จะมาเจรจาพูดคุยกับ ส.ว.แล้ว เพราะ ส.ว.มีคำตอบในใจแล้ว แต่สิ่งที่ให้สัมภาษณ์วันนี้ คือ ให้สังเกตพรรคที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีน่าจะมีมากกว่า 1 พรรค (เป็นการย้ำครั้งที่ 2)


เมื่อถามว่า ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย และฝ่ายรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ส.ว.ถูกใจฝั่งไหนมากกว่า นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า "ส.ว.กิตติศักดิ์ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการอ้างประชาธิปไตย ตนคิดว่าอาจเป็นประชาธิปไตยปลอมก็ได้"


เมื่อถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อนายพิธา แล้วไม่ผ่าน และพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะหาว่า ส.ว.อะไรก็ไม่เอา เรามองแล้วว่าบ้านเมืองต้องเดินไปได้ ผมขอบอกเทปเดิม ว่าบ้านเมืองต้องเดินต่อไปได้ ขณะที่นายพิธา ไปไม่ได้ พรรคอันดับ 2 ก็ต้องขึ้นมา เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได้


เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนตอบตรงนี้ชัดเจนไม่ได้ เพราะ ส.ว.ไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล แต่บอกได้แค่ว่า จะมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 พรรค (ย้ำครั้งที่ 3) ส่วนพรรคใดจะได้หรือไม่ได้ ส.ว.ไม่ไปก้าวก่าย


เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวในขณะนี้ การเมืองถึงขั้นพลิกขั้วหรือไม่ เพราะตามที่ระบุว่ามีแคนดิเดตนายกฯเพิ่ม นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า "เอาเป็นว่าฝ่ายประชาธิปไตยที่อ้างกันมา และผมเรียนในขณะนี้ ยังมีฝ่ายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง"


ส่วนที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนนั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีชื่อของ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งเราไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล


เมื่อถามถึงหลักการของ ส.ว. จะยกมือให้พรรคที่รวมเสียง ส.ว.ได้เกินครึ่งของสภา ไม่ใช่ยกมือให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนเคยพูดแล้วว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้ แต่ถ้าจะเป็นรัฐบาล ต้องไปรวบรวมเสียงให้ได้เกินครึ่ง คือ 376 เสียง แบบนี้บ้านเมืองถึงจะเดินไปได้ แต่หากมี ส.ส.อยู่ 100 กว่าเสียง แล้วไปจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวไม่เห็นด้วย


เมื่อถามย้ำว่า ที่ออกมาพูดว่านายพิธา ไม่น่าจะผ่านการเลือกของ ส.ว.ถือเป็นการพูดแทนของ ส.ว.ทั้งหมดหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งทัวร์จะมาลงก็ขยายพื้นที่ไว้ มาลงที่กิตติศักดิ์ได้ แต่ไม่ลงที่ ส.ว.คนอื่น และที่บอกมีคนโหวตให้นายพิธา น้อยกว่า 5 คน มันก็คือโลกความเป็นจริง เพราะเราประเมินแล้วว่า ส.ว.ได้รับการโปรดเกล้าฯ ถ้าจะไปสนับสนุน นักการเมืองที่ต้องการแตะสถาบัน ผมก็ไม่ทราบว่าจะตอบสังคม ประชาชนได้อย่างไร


เมื่อถามว่า การโหวตของ ส.ว.อาจจะไปสู่การลงบนถนน หรือเกิดความวุ่นวาย นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนพูดมานานแล้ว ไม่ว่าใครจะมาจัดตั้งรัฐบาล ในสถานการณ์แบบนี้ ความวุ่นวายมีแน่นอน ไม่ว่าจะฝ่ายพรรคก้าวไกล หรือฝ่ายอื่น ความขัดแย้งก็ยังมี แต่ถ้าเป็นพรรคอื่น ที่ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ความขัดแย้งก็ยังมีแต่จะน้อยลง


เมื่อถามว่า ส.ว.จะตอบกองเชียร์พรรคก้าวไกลอย่างไร เพราะเป็นการโหวตฝืนมติของประชาชนที่เลือกตั้งมา นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดเรื่องตัวเลข ก็เป็นทราบกันอยู่ว่า ไม่ได้บ่งชี้ว่า ถ้าพรรคอันดับ 1 ได้ไม่เกินครึ่งของสภา คือ 250 จะบอกว่าได้เสียงข้างมากเลยก็ไม่ได้ ยกตัวอย่างปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ได้อันดับ 1 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นั้นคือข้อเท็จจริง ดังนั้นปี 2566 ก็อาจกลับไปคล้ายปี 2562 ก็ได้


ส่วนที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ยังตกลงตำแหน่งประธานสภาไม่ได้ มองว่าจะแตกกันหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของ ส.ส.


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/WmbazVjKOJg

คุณอาจสนใจ

Related News