กอ.รมน.ภาค 4 แจงการดำเนินคดีเหตุจำลองประชามติแบ่งแยกดินแดน ยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

รองแม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงการดำเนินคดีผู้ร่วมกิจกรรมจำลองประชามติแบ่งแยกดินแดน เป็นไปตามพยานหลักฐานที่ กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รวบรวมพฤติการณ์ฝ่ายกฎหมายเห็นว่า เข้าข่ายละเมิดกฎหมาย โดยพร้อมให้พิสูจน์ข้อกล่าวหาเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และยืนยันว่าการดำเนินคดีในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ได้มุ่งหวังกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือต่อต้านนโยบายของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการตั้งข้อกล่าวหาที่มองว่ารุนแรงเกินไป ซึ่งการพูดถึงสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง เป็นสิทธิเสรีภาพที่พูดได้ จึงเรียกร้องให้หยุดใช้กฎหมายปิดปากปรเะชาชน



พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยถึงการร้องทุกข์กล่าวโทษ 5 นักศึกษาและนักกิจกรรมที่เข้าร่วมงานเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีการจำลองการทำประชามติสอบถามว่าเห็นด้วยกับการทำประชามติแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ ฝ่ายกฎหมาย กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ามีการกระทำเข้าข่ายการละเมิดกฏหมายหลักบูรณภาพดินแดน



รองแม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันว่า การพูดถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง หรือ Right to self determination อาจมีการพูดคุยในเชิงวิชาการ แต่การพูดถึงเป้าหมายในการแบ่งแยกดินแดนหรือความต้องการเอกราช เป็นการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มิอาจทำได้ และในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ฉันทามติครั้งแรกกับขบวนการ brn เมื่อปี 2556 ถึงล่าสุดในปี 2565 ก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะต้องพูดคุยในกรอบรัฐธรรมนูญไทย และปฏิเสธไม่ได้ว่า การต่อสู้ของขบวนการบีอาร์เอ็นมีทั้งการใช้ความรุนแรงและการต่อสู้ทางความคิด การดำเนินคดีเรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้มุ่งหมายจะกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือต่อต้านนโยบายของว่าที่รัฐบาลใหม่ ที่อาจจะเห็นตรงข้ามกับฝ่ายความมั่นคง



รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาว่าจะมีการฟ้องร้องเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา



ขณะที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ คนส. ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่ กอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความกับนักศึกษาและนักกิจกรรมเป็นการดำเนินคดีที่ขาดความสมเหตุสมผลทางกฎหมาย เพราะเป็นการใช้พื้นที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสิทธิกำหนดชะตากรรรมตนเอง ในพื้นที่สาธารณะอย่างเปิดเผย สงบและสันติ ไม่เข้าลักษระการตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ และข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่น อั้งยี่ซ่องโจร เป็นกฎหมายที่ใช้กับองค์กรอาชญากรรมไม่ใช่นักศึกษาหรือนักกิจกรรม คนส.จึงเรียกร้องให้ กอ.รมน.หยุดใช้กฎหมายปิดปาก และเปิดพื้นที่รับฟังความคิดต่าง ไม่ควรเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้กับการต่อสู้ด้วยอาวุธ รวมถึงเรียกร้องสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างรอบคอบ และขอให้สังคมไทยอดทนกับการรับฟังเสียงที่คิดต่างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสันติภาพ ซึ่งมีนักวิชาการและนักกฎหมายร่วมลงชื่อด้วย



ดร.ฮาฟีส สาและ ยืนยันว่าในขั้นตอนการขอใช้พื้นที่จัดกิจกรรมที่คณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี มีการขออย่างถูกต้อง และไม่กังวลว่าการใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้จะทำไม่ได้ และเป็นหน้าที่ทางวิชาการที่ต้องสร้างความเข้าใจถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง หนุนเสริมกระบวนการสันติภาพด้วย