‘ศิธา’ แนะกรณี ‘หยก’ ต้องเปิดใจกว้างรับฟัง ถอยคนละก้าว ลั่นเด็กทุกคนไม่ควรออกการระบบศึกษา

‘ศิธา’ แนะกรณี ‘น้องหยก’ ต้องถอยคนละก้าว เปิดใจกว้างรับฟัง เปรียบเยาวชนเหมือนม้าแรงเยอะ หากทำให้วิ่งถูกเส้นทางก็จะชนะ ย้ำทำตามสิทธิเสรีภาพได้เต็มที่ แต่ต้องไม่กระทบคนอื่น


น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะคณะทำงานด้านทุจริตคอรัปชั่น 8 พรรค ที่จะร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ที่พรรคก้าวไกล ถึงกรณี "หยก" ยืนยันว่า เด็กทุกคนไม่ควรออกจากระบบการศึกษา หากมีการแสดงออกอะไรที่รุนแรงเกินไป ก็ควรจะต้องคิด เพราะเยาวชนก็คือเยาวชน หากเปิดใจกว้างและ รับฟังความคิดของเขา ได้รับการพูดคุยกัน ก็จะหาทางออกได้ ตนเปรียบกับม้า เราอาจจะชอบขี่ม้าที่นิ่งๆ เป็นม้าแก่ แต่ไปแข่งจะชนะหรือ แต่หากเอาม้าที่มีกำลังวังชา มาวิ่งในเส้นทางที่ถูกที่ควรเชื่อว่าจะเป็นม้าที่ชนะ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้


ดังนั้นเยาวชนควรเป็นบุคคลที่ผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุย ซึ่งกลไกต่างๆที่จะวินิจฉัยว่าหลุดพ้นการศึกษา หรือได้รับการศึกษาต่อควรได้รับการวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา และโรงเรียนได้ชี้แจงแล้วว่าการทำผิดระเบียบไม่ได้เป็นเกณฑ์ที่ทำให้พ้นจากสภาพการเป็นนักเรียน โดยอาจจะต้องพูดคุยและตักเตือนกัน


ซึ่งการพ้นสภาพการเป็นนักเรียน เกิดจากการไม่ได้มอบตัวตามขั้นตอนและเวลา ซึ่งในมุมผู้ปกครองก็คิดว่าทางโรงเรียนรับปากว่าเข้าเรียนได้ แต่มีเรื่องเวลาที่ช้า ทำให้โรงเรียนหยิบยกมาอ้างได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ควรต้องพบกันครึ่งทาง และต้องทำให้เกิดความชัดเจนว่าหากน้องต้องหลุดจาก โรงเรียนนี้จะมีอะไรรองรับ ซึ่งการไม่มีสถานศึกษา แล้วเด็กเติบโตมาเรื่อยๆ และไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้


เมื่อถามว่าจากการที่ส.ส.พรรคก้าวไกล และสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ พูดคุยกัน แต่ไม่มีผู้บริหารของโรงเรียนมาร่วมวง มองว่า ผู้บริหารควรทำอย่างไรบ้าง น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนคงพูดได้เพียงหลักการว่าผู้ใหญ่ต้องคุยกัน ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าแค่เด็กคนเดียว แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ เพราะเด็กทั้งระบบการศึกษาไม่ควรมาเจอเรื่องพวกนี้ ในส่วนที่ผิดก็ว่าไปตามผิด อาจจะมีการคาดโทษหรือตักเตือน ก็ให้อยู่ไปตามกฎ ไม่ควรเอาอะไรเรื่องมาปะปนกัน


ส่วนที่สังคมมองกลับไปที่นัองหยกว่าไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนนั้น น.ต.ศิธา กล่าวว่าเด็กจะสู้ในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ และคนจะเข้าใจว่าเผด็จการอยู่ตรงข้ามประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพก็คือประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น


ดังนั้นผิดหรือถูกขอให้ว่ากันไปตามหลักวิชาการ ตนมองว่า เผด็จการอาจจะอยู่ตรงกันข้ามสิทธิเสรีภาพมากกว่า แต่ประชาธิปไตยคือกฎเกณฑ์ พี่จะทำอย่างไรให้สิทธิเสรีภาพอยู่ร่วมกันได้ โดยที่ไม่ไปรบกวนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น แต่อย่างไรก็ตามจนมองว่าสิทธิเสรีภาพที่มากเกินไปอาจไปรบกวนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้ และจะทำให้สังคมไม่มีระเบียบแบบแผน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/CRJkLM8-Mks