เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' ยันก้าวไกลให้ความสำคัญ ปฏิรูปตำรวจ 'วิโรจน์' แฉต้นตอส่วย-กรมบัญชีกลางขายข้อมูล

โดย passamon_a

18 มิ.ย. 2566

104 views

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.66 นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้การจังหวัดชลบุรีพร้อมพวก รีดไถผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งมีข่าวไม่ดีเยอะ และที่ผ่านมาปัญหาของตำรวจที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้ง ส่วย, อกช ซึ่งพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับเรื่องตำรวจ และเป็นหนึ่งในกฎหมายที่พรรคจะยื่นเข้าสู่สภา ใน 4-5 ฉบับ


ดังนั้นยืนยันว่าพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปตำรวจ ที่ผ่านมาไม่อยากจะพูดตรง ๆ ให้ตำรวจดี ๆ เสียใจ แต่ต้องยอมรับตำรวจมีข่าวฉาวรายวัน แต่ละเรื่องไม่เคยเรียบร้อยและมีเรื่องใหม่มาตลอด เช่น เรื่องรีดไถ เป็นเรื่องที่พรรคยอมรับไม่ได้ ต้องตรวจสอบ ขณะนี้พรรคก้างไกลเข้าไปสั่งหรือแทรกแซงไม่ได้


นายรังสิมันต์ ยืนยันหากพรรคมีโอกาส และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่ง สตช. อยู่ภายใต้กำกับของนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลจะเข้ามาชำระล้างคนไม่ดีที่อยู่ในองค์กรออกไป และปฏิรูป ปรับปรุงโครงสร้างแน่นอน เพื่อให้องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่มีคุณภาพมากสุด และคนที่มีความรู้ความสามารถมีผลงาน สามารถเติบโตได้ ดังนั้นเรื่องตั๋ว และเส้นสาย เชื่อว่าจะได้ตำรวจที่พร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่จับคนร้ายแล้วรีดไถ เหมือนผู้กำกับโจ้ ซึ่งเป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่เราเห็นในลักษณะแบบนี้ ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้ตำรวจได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนที่แท้จริง และทำให้ตำรวจเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า องค์กรตำรวจมีหน่วยงานซ้ำซ้อน ทั้ง กตร. และ กตช. ซึ่ง กตช.เป็นการออกแบบทำเรื่องนโยบาย ส่วน กตร. เป็นการบริการบุคคล หากรวมกันก็ประหยัดงบประมาณมากกว่า ซึ่งอาจจะมี กตร.ที่ทำเรื่องนโยบายและบริหารบุคคล ส่วนจะยกเลิกระบบอาวุโสในการแต่งตั้งหรือไม่ ยังสรุปไม่ได้ แต่ต้องหาจุดที่ทุกฝ่ายรับได้หากใช้ระบบอาวุโส 100% อาจเป็นผลร้ายกับประชาชน แต่ถ้าไม่มีระบบอาวุโสเลย ตำรวจจะยอมรับหรือไม่ ทั้งนี้จะต้องดึงตำรวจทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบระบบให้ดีที่สุด


ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ปัญหาส่วยตอนนี้มันน่ากลัวขนาดว่าเราแตะไปตรงไหนมันก็เจอ เหมือนกองขยะที่เอาพรมแดงมาปูเลิกไปตรงไหนเจอตรงนั้น ไม่ต้องไปแกะรอยไปเจาะอะไรเลย แค่ตั้งคำถามแล้วใช้สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานของปุถุชนคนหนึ่งพบสิ่งผิดปกติโดยทันทีแล้ว ไม่ว่าจะกรณีรถบรรทุกที่ประชาชนให้เบาะแส การนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนที่อุตส่าห์อายัดมาได้ 100 กว่าตู้ แล้วทุกวันนี้เสียบปลั๊กจ่ายค่าไฟ ทำไมไม่เร่งทำลายตรวจสอบหาคนผิดมาดำเนินคดี


ต้นตอปัญหาส่วยทั้งหมดทั้งมวลมาจากการซื้อขายตำแหน่ง ระบบตั๋ว ต้นทุนที่ข้าราชการระดับบังคับ บัญชาต้องแบกเอาเงินไปซื้อตำแหน่งมา แล้วเงินที่เอาไปซื้อตำแหน่งไม่ใช่เงินตัวเอง แต่มาจากสปอนเซอร์มาเฟียสีเทา มาเฟียจีนเทา ปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ บ่อนเถื่อน เว็บพนัน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำถามคือ วันนี้ลูกน้องมีสิทธิ์จะไม่ทำตามนายสั่งหรือไม่ ถ้าไม่เอาจะเป็นภัยแล้วจะทำอย่างไร


นายวิโรจน์ กล่าวว่า มันท้อใจสำหรับข้าราชการที่สุจริต มันเบ่งบาน รัฐบาลอยู่มา 9 ปี แต่เดิม 3-4 ปีเปลี่ยนรัฐบาลที่ปรับอำนาจ จะไม่มีใครมานั่งทับขี้นาน แต่ 9 ปีที่ผ่านมาพอเปลี่ยนคน เปลี่ยนเป็นลูกน้องของตัวเองเป็นรุ่น ๆ ไป ระบบส่วยยังส่งไปถึงคนเก่าแก่ คนเก่าก่อนที่เกษียณไปแล้วด้วย ทำให้มูลค่าส่วยและระบบการส่งพันลึกซับซ้อนเต็มไปหมด จะแก้จริง ๆ คือการเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใสให้ได้ ปัญหาเกิดขึ้นทุกอณูทุกกระทรวง ทบวง กรม อย่าบอกว่าเริ่มจากกระทรวงไหน แตะไปก็เจอ


สาเหตุสำคัญมาจาก 1.การขอใบอนุญาต 2.การต่อทะเบียน ทุกครั้งมีระบบใต้โต๊ะทั้งนั้น เช่น กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมสรรพสามิต ล่าสุดเพิ่งตรวจรถบรรทุกขนน้ำมันเถื่อน 1.5 หมื่นลิตร หรือแม้กระทั่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีเบาะแสทุจริตเงินทอนวัด ที่กลับมาอีกมันบาปหนามาก สำนักงานพระพุทธจรรโลงศาสนา แต่ปรากฏยังเอาเงินทอนเอาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน และที่บาปหนากว่านั้นคือทำให้พระผู้ใหญ่ที่มีจริยวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดต้องมลทินจากการกระทำอันบาปช้าไปด้วย สุดท้ายอนุโมทนาที่พระคุณเจ้าต่างๆที่ได้รับความเป็นธรรม แต่มันเรียกคืนความเป็นธรรมกลับมาตั้งแต่ต้นทางไม่ได้ แม้มีข้าราชการถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่ยังไม่เข็ดมีคนระดับ ผอ.ต้องคดีหลายคน


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดมีเบาะแสเรื่องใหญ่มากคือ อาจมีข้าราชการกรมบัญชีกลางบางกลุ่มบางคนขายข้อมูลการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาบางรายได้งาน เมื่อฮั้วประมูลไม่ได้แต่อยากจะรู้ข้อมูลของผู้แข่งขัน ต้องซื้อข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง พอรู้ว่าตัวเลขเท่าไรฟันราคาเลย อาจตัดราคาลงไปอีกสัก 5 หมื่นบาท เป็นต้น มีเบาะแสทั้งในเรื่องการวิ่งเต้นต่าง ๆ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ดี ๆ คนในกรมบัญชีกลางเก็บหลักฐานไว้เยอะที่สุด ให้สาวได้ถึงต้นตอ ถึงต้องมีกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองปกป้องผู้เปิดโปง หรือผู้ให้เบาะแสคุมไม่ให้การทุจริตคอร์รัปชันเบ่งบานจนกลายเป็นมาเฟีย แก้ปัญหายาก


พวกนี้ไม่กลัวตำรวจ ป.ป.ช. หรือรัฐมนตรี มีจีนสีเทาที่มีเงินเป็นหมื่นล้านบาทเข้านอกออกในจ่ายเงินคนนั้นคนนี้ ไม่กลัวรัฐมนตรีหรือนายกฯ เรื่องนี้อย่าไปโทษสถานทูตจีน กำลังตามล่าคนเหล่านี้อยู่ ถ้ากลับไปจีนมีโทษถึงประหาร แต่วันนี้คนเหล่านี้มีสัญชาติไทยแล้ว ดังนั้นถ้ามีแบบนี้ขึ้นมาอีกเป็นเรื่องลำบาก วันนี้ถึงต้องเอาเรื่องกฎหมายและเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาต่อไป



https://youtu.be/2jYbRQ_CWA4


คุณอาจสนใจ

Related News