สภาองค์การนายจ้างฯ เสียงแข็ง ขึ้นค่าแรง 450 ทันที มีผลกระทบแน่

สภาองค์การนายจ้างฯ เสียงแข็ง หากปรับขึ้น 450 ทันที เกิดผลกระทบแน่นอน



นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เห็นว่าการเดินสายฟังความเห็นกลุ่มสหภาพแรงงานในวันพรุ่งนี้ (26 พ.ค. 66) เป็นเรื่องปกติ เพราะหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก้าวไกล คือ เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาท หลังจากรับฟังหยั่งเสียงฝั่งนายจ้างไปแล้ว โดยเชื่อว่าฝั่งลูกจ้าง จะยืนความเห็นตามนโยบายค่าแรง 450 บาท แต่ในฝั่งนายจ้างก็ชัดเจนว่า จ่ายไม่ไหว



ซึ่งพรรคก้าวไกล ก็ต้องพิจารณาผลกระทบ เพราะการปรับค่าแรงขั้นต่ำจาก 354 บาทต่อวัน เป็น 450 บาทต่อวัน เท่ากับปรับขึ้นทันที 30% ทั้งประเทศ จะเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องหาจุดลงตัว ที่ทำให้นโยบายเดินไปได้



โดยนายธนิต เสนอแนะแนวทางการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ให้เป็นแบบ “เปย์ บาย สกิล” หรือ การเพิ่มค่าแรงตามทักษะของแรงงานที่เพิ่มขึ้น ผ่านการทดสอบวัดผล โดยให้แรงงานได้ฝึกเพิ่มทักษะ แล้วไปสอบเพื่อปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งจะทำให้นายจ้างก็มีเวลาในการปรับตัว



นอกจากนี้ยังเสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ออกกฎ “ห้ามพรรคการเมืองนำเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำมาใช้หาเสียง” เพราะคนจ่ายค่าจ้างไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นเอกชนนายจ้าง ควรพิจารณาให้เป็นไปตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ



นอกจากนี้ หากปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปอยู่ที่ 450 บาท จะส่งผลให้ไทยเสียโอกาสในการแข่งขัน เพราะค่าแรงของไทย จะสูงกว่าเพื่อนบ้านเกือบ 100 บาท ทำให้ต้นทุนผลิตสูง ราคาสินค้าส่งออกก็สูง แข่งขันไม่ได้ ส่วนการลงทุนต่างชาติที่คิดจะมาลงทุนที่ไทยก็อาจเบนเข็มไปประเทศที่ค่าแรงต่ำกว่า อย่างเวียดนาม / เมียนมา / อินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งภาพเหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อครั้งปรับค่าแรง 300 บาทต่อวัน ทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอย้ายฐานไปเวียดนามและเมียนมา ทั้งที่ไทยเคยเป็นรายใหญ่ของโลก



ซึ่งหากไทยปรับขึ้นไปเป็น 450 บาท ตามที่พรรคก้าวไกลหาเสียงไว้ จะส่งผลให้ค่าแรงขั้นต่ำของไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข็งสำคัญ ในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทิ้งห่างกันถึง 107 บาท จากปัจจุบันห่างกันประมาณ 11 บาท ซึ่งตัวเลขนี้ กำลังเป็นที่กังวลของผู้ประกอบการไทย ที่จะทำให้เวียดนามได้เปรียบไทยมากขึ้น และแรงงานเองก็กังวลว่า อาจต้องออกไปเดินเตะฝุ่นได้

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/83hNZih8vK8