เลือกตั้งและการเมือง

'ทักษิณ' ยินดีก้าวไกลชนะเลือกตั้ง สรุปบทเรียนทำไมเพื่อไทยแพ้ ยืนยันกลับไทย

โดย passamon_a

17 พ.ค. 2566

614 views

'ทักษิณ' ยินดี 'ก้าวไกล' ชนะเลือกตั้ง จนกรุงเทพฯเกิดสึนามิ บอกการตลาดเก่ง เปรียบเป็น SME ล้มบริษัทใหญ่ได้ ส่วน 'เพื่อไทย' โดนทั้งกระแส กระสุน ถูกไอโอปั่น พร้อมยืนยันกลับไทย "บ้านผม จะกลับมีไรไหม"


เมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาไลฟ์อีกครั้งหลังพักไปช่วงเลือกตั้ง โดยได้ยินดีกับพรรคก้าวไกล ที่เลือกตั้งสมัยที่ 2 แต่ขึ้นมาเป็นที่ 1 ซึ่งถือว่าเก่งมาก โดยเฉพาะทีมที่เก่งมาก ๆ จนในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าสึนามิ ได้ ส.ส.เกือบทั้งหมด เพื่อไทยได้มาคนเดียวแค่นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์


นายทักษิณ กล่าวว่า สมัยตอนหนุ่ม ๆ ตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ใช้แนวคิดใหม่ เพื่อดิสรัปต์พรรคเก่าแก่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยวิธีการใหม่เน้นนโยบาย แต่สมัยนั้นเป็นอนาล็อก ไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก แม้เพื่อไทยปัจจุบันนี้จะดิสรัปต์ตัวเอง ปรับตัวเอง รีแบนด์ให้ทันสมัย แต่การดิสรัปต์ในการสร้างนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงนั้น เพื่อไทยยังดิสรัปต์ตัวเองไม่พอ แต่พรรคก้าวไกลทำตัวเอง เหมือนบริษัทเอสเอ็มอี


"ไม่ต้องทำสินค้าให้เนียบเหมือนแบรนด์ดัง ๆ แต่ทำให้ถูกใจ ตรงใจลูกค้า จนบริษัทใหญ่ ๆ เจ๊งไป เรื่องนี้เป็นการตลาดแบบใหม่ คนเก่า ๆ อาจไม่เข้าใจ หรือแม้แต่พรรคใหม่คนเก่าก็ไม่เข้าใจ เพื่อไทยแม้จะเป็นพรรคใหญ่ก็ต้องเรียนรู้ เรื่องนี้ถึงทำให้ก้าวไกลมีหัวคะแนนธรรมชาติเยอะ ไม่ต้องใช้เงินใช้ทองอะไรมากกว่า"


และเครื่องมืออีกอย่างที่ก้าวไกลใช้คือติ๊กต็อก ซึ่งมีผู้ใช้จำนวนมาก ไม่ต้องใช้เงินใช้ทองจำนวนมาก แต่การสื่อสารไปได้รวดเร็วมีหัวคะแนนธรรมชาติ ซึ่งยอมรับกระแสพรรคก้าวไกลแรง และคนที่อยู่เบื้องหลังทำให้กระแสพรรคก้าวไกลแรงขนาดนี้จะเป็นมือการตลาดชั้นนำ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเอเจนซี่ และตนเองก็รู้จักเอเจนซี่นี้


และผลจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้เห็นชัดว่าบางพรรคได้ ส.ส.เขตเยอะมาก แต่ได้ ปาร์ตี้ลิสต์นิดเดียว แบบนี้เรียกว่าพลังเงิน เพราะความนิยมในพรรคไม่มีเลยแต่จัดการเอา ส.ส.มาจนได้ ดังนั้นผลที่ได้จากการปฏิรูปการเมืองหลังการปฏิวัติคือได้รัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจต่อรอง แล้วพรรคการเมืองกดดันการองนายกได้ อยากขออะไรได้หมดมีทั้ง โครงการ คอรัปชั่น และงบประมาณ ดังนั้นจึงทำให้ได้พรรคการเมืองที่เข้ามาหาเงินถึงเวลาก็เอาเงินไปซื้อเสียง และซื้อเดี๋ยวนี้ก็แพงกว่าเดิม บางเขตได้หัวละ 1,000 แต่ 500 ถือมาตรฐาน และหากซื้อต้องซื้อ 6-7 หมื่นเสียง เขตหนึ่งก็ 70 ล้าน และหากต้องการชนะต้องซื้อ 10 เขต ต้องซื้อ 50 เขตเป็นอย่างน้อย


ส่วนพรรคเพื่อไทย โดนกระแสก้าวไกลสู้กับเพื่อไทยไม่พอ มีตังซื้อยังมาโดนพรรคที่มีตังซื้อ จึงโดนทั้งกระแสและกระสุนพร้อมกัน รอดมาขนาดนี้ถือว่าหลวงพ่อดี ขณะเดียวกันก็มองว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงในกระแสของพรรคที่แรงมากในช่วงที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่ลาคลอด จึงเหลิง เห็นกระแสดียังไงก็ชนะ จึงทำงานไม่เข้มข้นทำให้ออกมาเป็นแบบนี้


"ต้องยอมรับกระแสพรรคดีมาก แรงมาก ก่อนที่อุ๊งอิ๊งลาคลอด เห็นกระแสดีก็ทำงานไม่เข้มข้น มันเลยออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้ความผิดพลาด ในฐานะประธานแมนซิตี้เก่า เราถือว่าโค้ชกับนักกีฬาไม่ต้องมาตีกัน แต่ไปฝึกมาใหม่ อุ๊งอิ๊งไปแมนซิบ่อย มีน้ำใจนักกีฬามาก สนับสนุนพรรคชนะอันดับ 1 ตั้งไปเลย ถือเป็นสปิริต


ท่าทีของเพื่อไทยตอนนี้ถือว่ามีน้ำใจนักกีฬา พอจบปุ๊บบอกเลยตั้งรัฐบาล เราสนับสนุน แม้เราไม่เป็นพรรคร่วมก็จะยกมือให้ ที่อุ๊งอิ๊งพูดถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรของพรรคมานานตั้งแต่ไทยรักไทย ความเป็นน้ำใจนักกีฬาถือว่าดีมาก แล้วเรากำลังจะเรียนรู้จากความผิดพลาด ปรับปรุง แล้วคนแก่ ๆ ทางการเมืองถอยไปหน่อยได้ไหม วันนี้ต้องหลับ อย่าคิดแก้ตัว ต้องหลบแล้ว มันไม่ใช่ยุคของเราแล้ว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อายุ 42 เขาจะพูดอะไร มันก็สมาร์ท เขาอยู่กับโลกปัจจุบันกับโลกอนาคต พูดจากฉะฉาน


เด็กรุ่นใหม่จะกล้าแสดงออกกว่าคนรุ่นเก่า เพราะได้รับอิทธิพลจากตะวันตกเยอะ วิธีคิดไม่เหมือนรุ่นเก่า วันนี้จึงเกิด เจเนอเรชั่นแก๊ปแล้ว ถ้าไม่อัพเดตตัวเองไม่ทันเด็กหรอก แน่นอนเด็กข้อเสียคือไม่มีประสบการณ์ ผู้ใหญ่ค่อยแนะนำได้เรื่องธรรมดา ดังนั้นถ้าคิดเป็นนักการเมืองต้องถอย เอาลูกเอาหลานมาเทรนดีกว่า คนแก่ต้องเริ่มถอย" นายทักษิณ ระบุ


นายทักษิณ ระบุต่อว่า ส่วนเรื่องดีลลับทั้งหลาย เริ่มไอโอกันตั้งแต่เลือกตั้งแล้ว ไอโอว่าผมกับป้อมคุยกัน ตกลงกัน จนคุณอิ๊งค์ คุณเศรษฐาก็ประกาศแล้วว่าไม่เอาสองลุง ไอโอก็ยังออกมาอีกแล้วให้เอไอขยายผล ล่าสุดก็ยังไอโอว่าพรรค พท.จะไปตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล ทั้งที่คุณอิ๊งค์ คุณเศรษฐา คุณชลน่าน ก็แถลงแล้วว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้ตั้งรัฐบาล


นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ถ้าพรรคการเมืองอยากเป็นประชาธิปไตยต้องมีสปิริตของประชาธิปไตย อย่าอยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เพื่อหาเงินไว้เตรียมเลือกตั้ง แบบนี้ประเทศฉิบหาย เราต้องอยู่บนหลักการบนพื้นฐานประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และประชาชนจะมีความสุข ตรงไปตรงมาดีที่สุด พรรคเราซื่อจนซื่อบื้อเลย ที่ตนต้องมาอยู่เมืองนอกเพราะซื่อบื้อ


นายทักษิณ ยังพูดถึงบทบาทของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หลังจากพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ได้เป็นอันดับสอง ซึ่งโอกาสในการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ก็น้อยลง ว่า นางสาวแพทองธาร คงจะโล่งใจ เพราะจะได้มีเวลาเลี้ยงลูก ได้พักแล้ว พอเลี้ยงลูกโตแล้วค่อยว่ากัน การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นภารกิจที่นางสาวแพทองธารรับอาสา เป็นภารกิจที่ต้องทำสำเร็จ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นางสาวแพทองธารก็มองโลกในแง่ดี บอกว่าจะได้มีเวลามากขึ้น แต่เลือกตั้งรอบหน้าค่อยว่ากันใหม่


ส่วนกรณีการทวีตข้อความบอกว่าจะกลับบ้าน มีส่วนทำให้พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้หรือไม่ นายทักษิณยอมรับว่า มีทั้งผลบวกและลบ


ด้านลบ ก็มีส่วนบ้างแต่อาจจะน้อย และแทบไม่มีความหมาย แต่สิ่งที่แพ้คือแพ้ในเกมโซเชียลมีเดีย เพราะนโยบายหรือสินค้าของเพื่อไทยดีมาก ซึ่งตรงกับปัญหาปากท้องของชาวบ้าน แต่การนำเสนอหรือเซลล์ที่ไปขายไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ของเป็นเซลล์ออร์แกนิคไปขายบางครั้งยังไม่เข้าใจสินค้า แต่ขายได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่เด็กที่เลือกก้าวไกล เพื่อนมงฟอร์ตผม 70 กว่าก็ไปเลือกก้าวไกล เพราะลูกบอก


เป็นการบริหารการตลาดผ่านระบบโซเชียล แต่เรื่องนี้ต้องชื่นชมพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยแพ้ต้องยอมรับว่า ต้องไปปรับปรุงตัวเองแต่ไม่ได้แพ้เยอะ โดนขนาดนี้ กระหน่ำขนาดนี้ เขตแพ้คนเดียว ปาร์ตี้ลิสต์แพ้ 10 คน ไม่ได้ยับเยิน แต่เราถอยจากการที่น่าจะชนะเยอะ ดีอย่างเป็นโอกาสที่เพื่อไทยจะได้ปรับปรุงตัวเอง องค์กรที่เก่าและแก่ ถ้าไม่ดิสรัปตัวเอง เหนื่อย โลกมีพลวัตร คอนซูมเมอร์เราคือ ประชาชนทั้งประเทศ


นายทักษิณยังบอกด้วยว่า "พรรคเพื่อไทยจะแพ้ชนะไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องกลับบ้าน ผมอยากไปเลี้ยงหลาน ผมคิดถึงหลาน เพราะมีตั้ง 7 คน วันอย่างผมเรียกว่าวัยรักลูกหลงหลาน ถ้าเอาหลานมาอยู่ใกล้ ๆ จะมีความสุขมาก" สำหรับกำหนดการกลับบ้านที่เคยบอกไว้ ยังเป็นกำหนดการเดิม ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม


"What ever will be will be วันนี้ถ้าตัดสินใจแล้วไม่สนใจอะไรเลย เพราะอยู่เมืองนอกมา 17 ปี มันก็เหมือนติดคุกใหญ่ เพราะเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ เข้าประเทศตัวเองไม่ได้ แต่ว่ามันได้โลดแล่นสะดวกสบายเวลานอนหลับเราไม่รู้หรอกว่าเราอยู่ไหนโรงแรมคืนละ 700,000 กับโรงแรมจิ้งหรีดระหว่างรับไม่รู้อยู่ไหนรู้เพียงตอนตื่นกับตอนก่อนนอนดังนั้นเราต้องหลับให้ได้ไม่มีปัญหา อะไรจะเกิดก็ให้เกิด ไม่มีปัญหาชีวิตมันก็แค่นี้ อายุจะ 74 ปี แล้วถือว่ากำไรมากแล้ว อย่าไปคิดอะไรมาก ผ่านพ้นจุดนี้ไปที่เหลือคือความสุข เพราะอยากอยู่กับหลาน อยากไปส่งหลานไปโรงเรียน"


ส่วนการกลับประเทศทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคมอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า "ตนไม่ได้อยู่การเมืองแล้ว ตอนนั้นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมือง ใส่ไข่ใส่ความอย่าไปใส่ใจ ผมไม่สนใจหรอกบ้านผมผมจะกลับไปมีอะไรไหม บ้านผม ผมจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน"


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/g1xmQpj0Z_Y

คุณอาจสนใจ

Related News