สังคม

กรมรง.อุตฯ จ่อดำเนินคดี บ.วินโพรเสส เพิ่ม ฐานครอบครองวัตถุอันตราย

โดย panwilai_c

4 พ.ค. 2566

399 views

ข่าว 3 มิติยังเกาะติดการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ตามคำสั่งศาลของบริษัท วินโพรเสส ที่จังหวัดระยอง ซึ่งศาลชั้นต้นยังตัดสินให้บริษัท ชดใช้เงินกว่า20 ล้านบาทให้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีของบริษัทล่าสุด ทนายความฝ่ายชาวบ้าน เปิดเผยว่าบริษัท ไม่ยื่นอุทธรณ์ จึงได้ยื่นกรมบังคับคดีเพื่อสืบทรัพย์สำหรับจ่ายชาวบ้านแล้ว ขณะเดียวกันอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมก็เตรียม ดำเนินคดีบริษัทวิน โพรเสส เพิ่มอีก เพราะพบว่าจัดเก็บกรดไฮโดรฟลูออริกส์ไว้ในโกดัง ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต



การครอบครองกากอุตสาหกรรมที่เป็นสารเคมีหลายชนิด ซึ่งถือเป็นวัตถุอันตราย ตามพรบ.วัตถุอันตราย ทำให้บริษัทวิน โพรสเสส จังหวัดระยอง ถูกดำเนินคดีโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และศาลจังหวัดระยองมีคำพิพากษา เมื่อ 25 มีนาคม 2564 ให้บริษัทบำบัดกำจัดของเสีย คือเศษฝุ่นเหล็กและตะกรัน 4,000 ตัน / ของเหลวและกากตะกอนในบ่อคอนกรีต 800 ตัน / ของเสียเคมีวัตถุประเภทของเหลวไม่ทราบชนิดบรรจุภายในภาชนะ / ภาชนะปนเปื้อนถังขนาด 200 ลิตร ถังขนาด 1,000 ลิตร

ระหว่างนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม แถลงต่อศาล เพื่อขอแก้ปัญหาเร่งด่วน คือน้ำในบ่อดินและพื้นที่ปนเปื้อน ของเหลวและกากตะกอนในบ่อคอนกรีต และของเสียประเภทของเหลวไม่ทราบชนิดบรรจุในภาชนะขนาด 200 ลิตร และ 1,000 ลิตร ซึ่งศาลได้เห็นชอบ และ บ.วิน โพรเสสฯ ยินยอมในเงื่อนไขดังกล่าว ให้นำเงินที่ได้จากการขายวัสดุในโรงงานรวม 12 ล้าน บาท ว่าจ้างบริษัทเอส เค อินเตอร์เคมิคอล กำจัดและบำบัดให้แล้วเสร็จภายในมิถุนายนนี้



อย่างไรก็ตาม การประชุมร่วมกันล่าสุดพบว่า นอกจากการบำบัดน้ำเสียจะล่าช้าจนเกรงจะไม่ทันกำหนดสิ้นเดือนมิถุนายนนี้แล้ว การคัดแยกสารเคมีในโกดังเพื่อนำไปกำจัด ก็ล่าช้า โดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่าจากมูลนิธิบูรณะนิเวศน์ว่าแทบไม่มีคนงานในกระบวนการคัดแยก เพื่อนำสารเคมีไปกำจัด



ขณะที่ตัวแทนบริษัทเอส เค ซึ่งเป็นคู่สัญญารับจ้าง ยอมรับว่าขั้นตอนการคัดแยกสารเคมี มีความล่าช้า ทั้งด้วยความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี และความเร่งด่วนของการบำบัดน้ำเสีย



ขณะเดียวกันอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่า ตอนนี้กลับพบว่าในโรงงานมีกรดไฮโดรฟลูออกลิกส์ หรือกรดกัดแก้ว อยู่ในโกดังทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาต จึงถือว่ามีความผิด ตามพรบ.วัตถุอันตราย และกรดชนิดนี้หากเจือบนลงแหล่งน้ำก็จะทำให้การบำบัดยุ่งยากอีกขั้น



ขณะที่อีกคดีหนึ่ง กรณีชาวบ้านหนองะพวา รวมตัวกันฟ้องคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อที่ดินทำกินและให้ฟื้นฟูสภาพความธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมี ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อธันวาคมปีที่แล้วให้โรงงานชดใช้เงินชาวบ้านรวม 20 ล้านบาท และให้ฟื้นฟูสภาพธรรมชาตินั้น ทนายความเปิดเผยล่าสุดว่า พ้นระยะอุทธรณ์คดีมาแล้ว เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และไม่ปรากฎว่มีการยื่นอุทธณ์ เท่ากับคดีสิ้นสุด จากนี้จะเข้าสู่การบังคับคดีเพื่อให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้าน



ชาวบ้านหลายคนที่ร่วมฟ้องคดี ระบุว่าแม้ก่อนหน้านี้มีคำพิพากษาให้ชนะ แต่ก็ได้เพียงนอนกอดตัวเลขที่ยังไม่เงินชดเชย แต่จากนี้สิ่งที่ชาวบ้านคาดหวังคือให้โรงงานปฎิบัติตามคำสั่งศาลทั้งชดเชย และฟื้นฟูโดยเร็ว



การฟ้องร้องคดีทางแพ่ง ต่อโรงงานวินโพรเสส และกรรมการ อีก 2 คนของชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน ได้รับการผลักดันทั้งจากมูลนิธิบุรณะนิเวศน์ และกรมควบคุมมลพิษที่รวบรวมข้อมูลผลกระทบอย่างรัดกุม จนเป็นหลักฐานสำคัญเอาผิดบริษัทวินโพรเสส ที่ทั้งประกอบกิจการคัดแยกขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และปล่อยน้ำเสียสารเคมีปนเปื้อนสภาพแวดล้อม จนชาวบ้านได้รับผลกระทบ จนนำไปสู่การฟ้องร้องและชนะคดี โดยบริษัทไม่ยื่นอุทธณ์ แต่ยังต้องติดตามขั้นตอนการชดเชย และการฟื้นฟู นับจากนี้

คุณอาจสนใจ

Related News