เลือกตั้งและการเมือง

“โรม” ดักคอรัฐบาลไทย อย่าคิดถอนชื่อลูกสาว “มิน อ่อง ลาย” ออกจากคดียาเสพติด

โดย kanyapak_w

17 เม.ย. 2566

837 views

“โรม” ดักคอรัฐบาลไทย อย่าคิดถอนชื่อลูกสาว “มิน อ่อง ลาย” ออกจากคดียาเสพติด จวกอัยการสูงสุดเลื่อนชี้แจงคดี “ส.ว.ทรงเอ” หวั่นซ้ำรอยคดี “บอส อยู่วิทยา”



17 เม.ย. 2566 นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่า รัฐบาลเผด็จการทหารของประเทศเมียนมาร์ได้ใช้กำลังเข้าปราบปรามพลเรือน โดยสื่อต่างประเทศรายงานผู้เสียชีวิตว่ามีถึง 170 คน เป็นผู้หญิง 24 คน เป็นเด็ก 38 คน ต่อกรณีดังกล่าว พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การใช้กำลังอาวุธทำร้ายพลเรือน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาร์ยุติความรุนแรง และคืนประชาธิปไตยสู่ประชาชนโดยเร็ว



นายรังสิมันต์ ยังระบุว่า ท่าทีวางเฉยของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ และการเพิกเฉยต่อมนุษยธรรม ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ประเทศไทยควรฟื้นฟูบทบาทการเป็นผู้นำในการเจรจาสันติภาพ เพื่อคืนประชาธิปไตยของเมียนมาร์ โดยใช้เสถียรภาพอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน โดยการเคารพเจตจำนงของชาวเมียนมาร์ ในการแก้ปัญหาวิกฤตประเทศ



นอกจากนี้ ประเทศไทยควรเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากเมียนมาร์ ไม่ส่งกลับไปยังประเทศเมียนมาร์เหมือนที่เคยทำกับ 3 คนก่อนหน้านี้ ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า 1 ใน 3 คนนั้นเสียชีวิตแล้ว



นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดย สำนักข่าวอิระวดี ของเมียนมาร์ เผยว่า รัฐบาลทหารเมียนมาร์มีการติดต่อเจรจาให้รัฐบาลไทยถอนชื่อลูกสาว มิน อ่อง ลาย ออกจากคดีค้ายาเสพติดของ ทุน มิน ลัต ซึ่งเชื่อมโยงไปถึง ส.ว.ทรงเอ ของไทย เนื่องจากพบเอกสารกรรมสิทธิ์ซื้อขายคอนโดมิเนียมในไทย ของลูกสาวของ มิน อ่อง ลายน์ รวมอยู่ด้วย



นายรังสิมันต์ ชี้ว่า รัฐบาลไทยต้องสร้างความเป็นธรรมกับเรื่องดังกล่าว เมื่อ ทุน มิน ลัต ถูกแจ้งข้อหาเรื่องยาเสพติดและการฟอกเงินแล้ว ตามกฎหมายไทยต้องถูกอายัดทรัพย์สินต่างๆ รวมถึงเอกสารที่เชื่อมโยงไปถึงบุตรสาวของ มิน อ่อง ลายน์ ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยอมปล่อยทรัพย์สินคืนไปยังลูกของ มิน อ่อง ลายน์ หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นเท่ากับว่าไทยกำลังยอมให้มีการแทรกแซง และมีส่วนได้เสียกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมียนมาร์



นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อไปว่า เดิมทีทางอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งให้ฟังผลการดำเนินคดีของ ส.ว ทรงเอ ในวันนี้ ล่าสุดมีการชี้แจงว่า เนื่องจากมีการร้องขอความเป็นธรรมจาก ส.ว.ทรงเอ จึงขอเลื่อนการชี้แจงคดีออกไปอย่างไม่มีกำหนด เท่ากับว่าสิ่งที่เรากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว และตนยังเกรงว่ากรณีนี้อาจจะซ้ำรอยกับคดีของ บอส-วรวุทธ อยู่วิทยา



นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การขอความเป็นธรรมของ ส.ว.ทรงเอ โดยอ้างถึงอีก 86 บริษัทที่มีเส้นทางการเงินคล้ายกับบริษัทของตนนั้น นายรังสิมันต์ ย้ำว่า คดีของ ส.ว.ทรงเอ มีความผิดชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเอาคดีดังกล่าวไปมัดรวมกับ อีก 86 บริษัทแต่อย่างใด ถ้าจะมัดรวม ควรมัดรวมกับคดีของ ทุน มิน ลัต ที่ได้ดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย ถ้าทำเช่นนี้แล้วสังคมจะตราหน้าว่า อัยการกำลังช่วยเหลือคนที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และส่งผลให้สังคมตั้งคำถามกับการทำงานได้



ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ ได้กล่าวถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อของพรรคได้กระจายตัวไปลงพื้นที่ต่างๆ ตนขอเรียนตามตรงว่าผลตอบรับของพรรคก้าวไกลตอนนี้ดีเกินคาด ตนได้ไปที่จังหวัดภูเก็ตต้องบอกว่าพี่น้องประชาชนมีท่าทีเชิงบวกมาก ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานหนักของพรรคก้าวไกล การเดินสายไปในที่ต่างๆ การลงพื้นที่ การนำเสนอนโยบาย การแสดงจุดยืนทางการเมือง



นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากการติดตามโลกออนไลน์ พบว่าในช่วง 30 วันย้อนหลัง 10 อันดับแรก ที่ประชาชนใช้ค้นหาจะเป็นการค้นหาหมายเลขของพรรคและผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เนื่องจากพรรคก้าวไกลได้รับการค้นหาเป็นอันดับหนึ่งมากกว่าทุกพรรคการเมือง



เมื่อพูดถึงหมายเลขของผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำลังทำอยู่สร้างความกังขาให้กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดการที่ง่ายในการเข้าถึงผู้สมัคร พรรคก้าวไกลได้จัดเตรียมเครื่องมือที่เป็นเว็บไซต์ โดยสามารถดูผลงาน อัพเดตการทำงานของพรรค สามารถตรวจสอบนโยบายกว่า 300 นโยบายได้ ซึ่งจะเปลี่ยนประเทศไทยทุกมิติ



ส่วนเรื่องผลโพลมติชนและเดลินิวส์ ซึ่งพบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก นายรังสิมันต์ มองว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่พรรคก้าวไกลมีโอกาสนำเสนอจุดยืน วิธีการทำงาน การประกาศนายกแคนดิเดตนายกฯ รายชื่อผู้สมัครทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ นโยบายที่จะมอบให้กับประชาชน



"ต้องพูดจากใจไปถึงพี่น้องประชาชนว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดและได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ พวกเราพรรคก้าวไกลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอย่างมาก ที่ให้ความเชื่อมั่นต่อพวกเรา ทำให้พวกเราหายเหนื่อย และผมก็ยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดสะท้อนถึงความตั้งใจที่เราต้องการทำให้การเมืองดี ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไม่รณรงค์ด้วยนโยบายแบบหนึ่งและทำแบบหนึ่ง" นายรังสิมันต์กล่าว



นายรังสิมันต์ ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลต้องทำงานหนักกว่านี้ เพราะหากดูรายละเอียดของโพล จะพบว่าผลรวมของนายเศรษฐา ทวีสิน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยมีคะแนนรวมกันมากกว่านายพิธา



"เรายังเหลือเวลาอีก 27 วันเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ต้องใช้โอกาสนี้ส่งสารไปถึงแฟนคลับ พี่น้องประชาชนว่าเราจะเปลี่ยน 27 วันให้พรรคก้าวไกล ทำงานหนักขึ้นให้ประเทศเปลี่ยนแปลงได้จริง" นายรังสิมันต์กล่าว



นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ย้ำว่าจะไม่ประมาทในเวลาที่เหลือ ผลคะแนนที่ออกมาสะท้อนว่ามาถูกทาง แต่คงต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล จะมีงานใหญ่ในวันที่ 22 เมษายนนี้ เป็นเวทีทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย นำโดย



1)นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค

2)นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรค

3)นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรค

4)นายเซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4

5)นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรค



นายรังสิมันต์ ย้ำว่า จะเป็นหาเสียงโค้งสุดท้ายของพรรค โดยเป็นการส่งสัญญาณถึงผู้สมัครทุกคนรวมถึงผู้สนับสนุนของพรรคก้าวไกลทุกคนที่อยู่ทั่วประเทศให้ช่วยกันใช้เวลาที่เหลืออย่างไม่ย่อท้อในการหาเสียง ตนยอมรับว่าเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นจะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกลจะทำให้มั่นใจว่าทำให้ชนะถล่มลาย ไม่ให้ตกหล่นแม้แต่เขตเดียว



เมื่อถามว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิจารณ์นโยบายแจกเงินที่อาจส่งผลกระทบในอนาคต ว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายรัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นสวัสดิการที่ทุกคนควรจะได้ เปรียบเสมือนตาข่ายรองรับเมื่อเราล้ม



"มันเป็นสิทธิ์พื้นฐานของพลเมืองชาวไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามจะทำคนในสังคมอาจจะยังไม่เข้าใจใน concept เรื่องนี้ เราคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของการแจก ทุกอย่างเป็นเรื่องของการให้ ทั้งที่ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องได้รับอยู่แล้วจากการเป็นพลเมืองของประเทศ" นายรังสิมันต์กล่าว



นายรังสิมันต์ ยกตัวอย่าง รัฐสวัสดิการ 3,000 บาท ซึ่งจากการลงพื้นที่ ตนได้คนอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก อย่างกลุ่ม ผู้สูงอายุก็ยังต้องเสียภาษีอยู่เมื่อชราภาพแล้วเราควรมีจะขายที่เป็นสวัสดิการให้กับประชาชนเชื่อว่าหากบริหารจัดการงบประมาณดีก็จะสามารถทำได้ ย้ำว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง



นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงบัตรเลือกตั้ง ว่า การมีบัตร 2 ใบที่เลือกคนและพรรคทำให้ประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งง่าย แต่ในความจริงกลับเป็นเรื่องยากกว่าเดิม พร้อมตั้งคำถามว่าการประชาสัมพันธ์ของ กกต. มีมากน้อยแค่ไหน





คุณอาจสนใจ

Related News