เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' มองบัตรลุงตู่พลัส เป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม เพิ่มปลาแห้ง - รวมไทยสร้างชาติ ปล่อยคลิป 'สงกรานต์' เผยเศรษฐกิจฟื้นด้วยฝีมือ 'ลุงตู่'

โดย weerawit_c

15 เม.ย. 2566

26 views

วานนี้ (14 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ กกต. เปิดเผยสีบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต สีม่วง และแบบบัญชีรายชื่อ สีเขียว ว่า ต้องหาวิธีสื่อสารให้ชัดเจน เพราะเฉดสีมีความคล้ายคลึงกัน แต่เชื่อว่าภายใต้กฎกติกา และมาตรฐานเดียวกัน จะสามารถสื่อสารกับประชาชนให้สามารถแยกแยะสีบัตรได้ แต่ไม่ทราบว่าจะทำให้เกิดบัตรเสียมากขึ้นหรือไม่ เพราะพึ่งมีการประกาศสีออกมา จึงต้องให้โอกาส กกต. ได้ชี้แจงประชาสัมพันธ์ แต่ในส่วนของพรรคจะสื่อสารกับประชาชนแบบคู่ขนานไปด้วย



ทั้งนี้ หากเกิดบัตรเสียมากขึ้นจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยมากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากอาจมีความสับสนในสีของบัตร นายเศรษฐา ยอมรับว่า สามารถเป็นไปได้ ดังนั้น พรรคจะทำงานให้หนักขึ้น พร้อมย้ำว่า ทุกพรรคก็อยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกัน แต่พรรคยังมั่นใจในนโยบาย และผู้สมัครของพรรค จะทำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยได้มากขึ้น และสามารถแยกแยะบัตรเลือกตั้งที่มีความคล้ายคลึงกันได้



ส่วนกรณีที่ กกต. เปิดรายชื่อพรรคการเมืองที่ชี้แจงรายละเอียดการใช้งบประมาณในแต่ละนโยบาย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็น 1 ใน 9 พรรคและยังชี้แจงไม่ครบนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบข้อมูล แต่มั่นใจฝ่ายกฎหมาย และทีมเศรษฐกิจของพรรค เพราะนโยบายของพรรคค่อนข้างโดนใจ และอาจมีนโยบายอื่นออกมาอีก อาจจะต้องชี้แจงเชิงลึกให้มากขึ้น และมั่นใจในการชี้แจง



ขณะที่นโยบายบัตรสวัสดิการพลัสที่ให้เดือนละ 1,000 บาท ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเทียบ 1 ปี จะได้ 12,000 บาท ซึ่งมากกว่านโยบายกระเป๋าดิจิทัลนั้น นายเศรษฐา ย้ำว่า ปกติส่วนตัวจะไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคอื่น แต่ขอชี้แจงในส่วนของนโยบายเพื่อไทยว่า 10,000 บาทนั้น ใช้เฉพาะพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนครั้งใหญ่ครั้งเดียว ไม่ให้กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่ ส่วนนโยบายพรรคอื่นที่ให้มากกว่า ก็เป็นความเชื่อของพรรคนั้นๆ และยังเห็นว่าเป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม แต่ครั้งนี้ เปรียบเหมือนการเพิ่มปลาแห้ง เชื่อว่าไม่มีอะไร และขอให้ประชาชนตัดสินใจว่านโยบายของใครดีกว่ากัน และให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตกันเองว่าเหตุใดนโยบาย 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านโยบายบัตรสวัสดิการพลัส



นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการแข่งขันนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองในขณะนี้ ว่า จะต้องดูที่นโยบายด้วย ไม่ใช่แค่เม็ดเงินที่จะเป็นตัวชี้นำว่าประชาชนจะได้ประโยชน์เสมอไป รายละเอียดเชิงลึกของนโยบายก็สามารถทำให้ประชาชนตัดสินใจได้เช่นกัน ไม่ใช่ให้ทีละเล็กทีละน้อยเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม เติมปลาแห้งนิดเดียว จะหมายความว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าเสมอไป จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าพรรคการเมืองคู่แข่งที่ปรับตัวเลขนโยบายให้สอดรับกัน ย้ำขอเดินหน้ามั่นใจนโยบายเพื่อไทย



นายเศรษฐา ยังกล่างถึงความมั่นใจในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่แม้จะชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่อดีตเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ครองพื้นที่มายาวนาน ว่า หลังได้เดินตลาดในช่วงเช้า ได้พูดคุยกับผู้สมัคร ส.ส. แล้วยังเชื่อมั่นนโยบาย ทั้งการยกระดับการท่องเที่ยว ยกระดับพาสปาร์ตไทย อีกทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ที่คาดว่าจะดียิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปไม่ว่าเป็นใคร พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าเจรจาการค้าทั่วโลก เพราะตลาดใหม่เป็นเรื่องสำคัญ



ทั้งนี้ ไม่ขอคาดเดาจำนวนตัวเลข ส.ส. ว่าตอนนี้ได้กี่เปอร์เซ็น เพื่อไปสู่เป้า 376 แต่ขอเดินหน้างานเผยแพร่นโยบายของพรรค หากสื่อสารนโยบายครบถ้วนถูกต้องก็มั่นใจ หลังจากนี้มีเวลาไม่เยอะ ขอลุยหาเสียงเต็มที่ไม่มีการย่อท้อ



ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายประศาสตร์ ทองปากน้ำ อดีต ส.ส.สุโขทัย หลายสมัย นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย และอดีตส.ส.หลายสมัย ลงพื้นที่วัดบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เพื่อปราศรัยช่วย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ ผู้สมัคร ส.ส.สุโขทัย เขต 3 เบอร์ 5 พรรคเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,000 คน



โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย รอโอกาสที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และอีกหลายปัญหาที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ เพราะหากเราเปรียบเทียบประเทศเพื่อนบ้าน จะพบว่า เรามีปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเจริญเติบโต โดยเฉพาะรายได้ของพี่น้องประชาชน เพราะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ จึงทำให้เราเป็นหนี้ ซึ่งถ้าดูในอดีต คนจีนมักจะนิยมเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อทำงานส่งเงินกลับไปบ้านเขา อย่าง บรรพบุรุษของตน ก็มาจากจีน เพื่อทำงานแล้วส่งเงินกลับไปช่วยที่บ้าน แต่ล่าสุด ตนเดินทางกลับไปที่จีน พบว่า บ้านเมืองเขามีความเจริญมากกว่าเราหลายเท่าตัวแล้ว อย่าง ถนนก็มีถึง 10 เลน โดยความเติบโตของเขาเร็วกว่าเราจำนวนมากแล้ว แต่สิ่งที่ต้องโทษคือ ระบบการเมืองไทย ที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้นได้ จึงเป็นภารกิจของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเจริญเติบโตให้ทันประเทศเพื่อนบ้าน



“จากที่พรรคเพื่อไทย นำเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท ทำให้ขณะนี้ กระแสของพรรคมาแรงมาก เพราะจากที่ผมไปมาแล้ว 30 เขต จากที่บางจังหวัดพรรคเพื่อไทย ไม่มีผู้แทนเลย แต่กระแสตอนนี้ เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งจังหวัดแล้ว เนื่องจากแต่ละนโยบายของเรา ได้เข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชน เช่น ปัญหาที่ดินทำกิน ก็จะมีการให้ สปก.ออกเป็นโฉนด แต่มีเงื่อนไข ต้องปลูกต้นไม้ครึ่งหนึ่งของที่ดิน พร้อมช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ด้วยการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ซึ่งพี่น้องประชาชน ไม่ต้องห่วง เพราะพรรคเพื่อไทย หากได้เป็นรัฐบาลจะช่วยอย่างเต็มที่จนสำเร็จแน่อนน แต่นโยบายต่างๆจะขับเคลื่อนได้ พี่น้องประชาชน ต้องช่วยกันเลือกให้แลนด์สไลด์ เพื่อให้พรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลได้”นายสมศักดิ์ กล่าว



จากนั้น นายสมศักดิ์ และคณะ ได้เดินทางต่อไปที่ ศูนย์การเรียนรู้เทิดไทฟาร์ม อำเภอศรีสำโรง เพื่อปราศรัยช่วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ผู้สมัคร ส.ส.สุโขทัย เขต 1 เบอร์ 1 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักเช่นกัน มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 800 คน



โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ เรามารวมพลังกันรักษาเก้าอี้ ส.ส.เดิม ทวงคืน ส.ส.เก่า และสร้าง ส.ส.ใหม่ เพราะวันนี้ เรามีผู้สมัคร ส.ส. 4 เขต เป็น ส.ส.เดิม 2 เขต ส.ส.เก่า 1 เขต และส.ส.ใหม่ 1 เขต ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันเลือกทั้งคน และพรรค เบอร์ 29 ให้เกิดแลนด์สไลด์ ซึ่งจะทำให้จังหวัดสุโขทัย มีส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 3 คน รวมทั้งจังหวัดจะมีผู้แทนถึง 7 คน เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ส่วนสาเหตุการมาอยู่พรรคเพื่อไทย ส่วนหนึ่งก็คือการตามใจพี่น้องชาวสุโขทัย เพราะตนได้ให้ผู้นำสุโขทัย 25 คน เขียนกระดาษคนละแผ่น และผับใส่กล่องเอาไว้ โดยตนก็เอากลับมาเปิดที่บ้าน พบว่า อยากให้มาอยู่พรรคเพื่อไทย ถึง 24 คน ตนจึงตัดสินใจในวันรุ่งขึ้นเลย ซึ่งเมื่อมาอยู่แล้ว ก็ตรงกับแนวทางที่คิดไว้ เพราะมีหลายนโยบายที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่อให้อยู่ดีกินดีขึ้น แต่ทุกนโยบายจะขับเคลื่อนได้ ก็ต้องช่วยกันเลือกให้เกิดแลนด์สไลด์ด้วย



ล่าสุดวานนี้ (14 เม.ย.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยิงคลิปชื่อ “สงกรานต์” มีเนื้อหาว่า สงกรานต์ปีนี้ คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เล่นน้ำฉลองกันอย่างเต็มที่ สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้น เปรียบเทียบกับวันนี้ และบอกว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นจากฟุบแล้ว ด้วยการบริหารจัดการของรัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี



ทั้งในด้านสาธารณสุข สังคม และด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การสั่งการของศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการ จนสามารถนำประเทศไทยฝ่าวิกฤติโควิด ได้รับความชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก (WHO)ว่า มีระบบจัดการโควิด-19 ที่ดี และจะนำไปเป็นต้นแบบการบริหารจัดการโรคระบาดอื่นๆในอนาคต


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/y1MoCPluysc


คุณอาจสนใจ

Related News