'บิ๊กเด่น' สั่งสอบบ่อนแฟลตปลาทอง หากผิดจริงสั่งโทษ 5 เสือ - นิติฯ ยอมรับกลัวแต่ต้องทำตามหน้าที่

เมื่อวานนี้ (13 เม.ย.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีมีคลิปภาพนักพนันกำลังเล่นพนันในบ่อนแฟลตปลาทอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวหากพบใครผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนเรื่องที่มีการแอบอ้างนำ สติกเกอร์โลโก้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปปิดที่รถรับส่งนักพนัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้เข้ามาเล่นภายในบ่อนดังกล่าวและกรณีที่ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ อ้างว่าไปตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีบ่อน ตามที่มีการแจ้งหรือเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียนั้น ก็อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบด้วยเช่นกัน หากพบว่าเป็นความจริงก็มีระเบียบและบทลงโทษ 5 เสือ หรือหัวสถานีอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ล่าช้า เพราะเพิ่งจะมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าววานนี้เท่านั้น

ขณะที่เมื่อเวลา 15.30 น. หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากคลองรังสิตพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน1 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานบ่อนการพนันหลังแฟลตปลาทองอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าด้านในมีห้องโถงใหญ่จำนวน 2 ห้อง และห้องเล็กจำนวน 1 ห้อง โดยมีอุปกรณ์ต่างๆ เช่นโต๊ะ เก้าอี้ กล้องวงจรปิดจำนวนหลายตัว ตู้เซฟจำนวน 2ตู้ ไปตรวจสอบที่ สภ.ปากคลองรังสิต

ด้านนายฉัตรชัย นาถ้ำพลอย ผู้จัดการนิติบุคคลโครงการรังสิตซิตี้ หรือแฟลตปลาทอง เปิดเผยหลังจากเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิตแล้ว ว่า ในฐานะนิติบุคคลถือว่าได้ทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์ หลังจากได้รับเบาะแสจากทั้งชาวบ้าน เพจและสื่อมวลชนว่ามีอาคารดังกล่าวภายในการควบคุมดูแลของนิติบุคคลแห่งนี้มีการลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนัน โดยขั้นตอนการดำเนินการในส่วนของตัวเองนั้นได้ยกเลิกสัญญาผู้เช่าไปเรียบร้อยแล้ว และจะให้เจ้าหน้าที่คอยไปเฝ้าเวรยามและนำกุญแจไปล็อกไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน เพราะถือว่าสิ่งของที่อยู่ด้านในเป็นของกลางทางคดีแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องเป็นขั้นตอนของทางตำรวจที่จะดำเนินการ ในฐานะนิติบุคคลคงไม่มีอำนาจไปเร่งรัดการทำงานของตำรวจ ซึ่งทางตำรวจมีเพียงขอเอกสารหลักฐานสัญญาผู้เช่าจากตัวเองไปเท่านั้นยังไม่มีการแจ้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการที่ตัวเองได้ทำหน้าที่พาสื่อมวลชนเข้าไปด้านในอาคารเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็รู้สึกกังวลในเรื่องความปลอดภัยพอสมควร แต่ต้องทำเพราะมันคือหน้าที่ ที่ต้องดูแลลูกบ้าน และประชาชน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มี สายโทรศัพท์ปริศนา โทรมาข่มขู่คุกคามตัวเอง ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อ พันตำรวจเอกณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธร ปากคลองรังสิต เพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีซึ่งในช่วงเช้ามีการรับสายและแจ้งว่าอยู่ระหว่างการทำธุระส่วนตัวยังไม่สะดวก ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะไม่สามารถติดต่อได้จึงยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการดำเนินคดี

----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/rbTeKVk_CGw