เจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมออกหมายจับ คนร้ายฆ่าปาดคอชิงทรัพย์สาวโรงงาน

วันที่ 13 เมษายน 2566 ณ สถานีตำรวจสภ.พระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ ชุดสืบสวนเพื่อหาเบาะแสและข้อมูลเพิ่มเติม โดยได้ภาพกล้องวงจรปิดของอาคารที่เกิดเหตุมาแต่ยังไม่พบคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหาเร่งและหาเบาะแสว่าผู้ต้องสงสัยว่ามาคนเดียวหรือมีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยซึ่งภาพวงจรปิดทั้งหมดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

จากการสอบถามนายธีรพงษ์ ธรรมนุกูล อายุ 40 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า หลังจากตนเองเลิกงานมาถึงห้องประมาณตี 4 ได้เคาะห้องเรียกภรรยาอยู่นานแล้วครับแต่ไม่ยอมเปิด ซึ่งมันแปลกๆอยู่ว่าปกติแล้วผมเคาะไป 3-4 ครั้งแฟนผมก็จะมาเปิดประตูแล้ว เซ็งเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที แต่เขาไม่ยอมมาเปิดประตู จากนั้นผมจึงเอากุญแจไขลูกบิด ซึ่งเป็นประตูแรกและพลักออกไปก่อน จากนั้นตนเองจึงเอามือล้วงประตูเหล็กดัดซึ่งลงกลอนไว้ หลังจากเปิดประตูเรียบร้อยแล้วตนเองจึงเข้าไปในห้องพัก และเปิดไฟจากนั้นได้มองเห็นสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณข้างเตียงนอนเหลือบมองไปเห็นเป็นคราบน้ำแล้วเห็นเป็นคราบเลือดนองเต็มพื้นตนเองจึงจับแฟนสาวนอนหงายเพื่อปลุกแต่มือไปโดนที่บริเวณลำคอที่ถูกปาดจึงเห็นว่ามีบาดแปลที่ลำคอและที่แขนตรงข้อมือข้างขวาจากนั้นตนเองจึงโทแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยตนเองยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะหรือมีปากเสียงกับแฟนสาวแต่อย่างใดโดยปกติแล้วแฟนสาวหากอยู่คนเดียวจะทำการล๊อกลูกบิด ส่วนประตูเหล็กดัดจะล็อกกลอนโดยไม่ได้ใส่ลูกกุญแจ ส่วนทรัพย์สินที่หายไปทั้งหมดจะเก็บไว้ในกระป๋อง ขนมปังขาย กล่องของขวัญปีใหม่ โดยทั้งหมดจัดเก็บเอกสารสำคัญรวมถึงเงิน และทองคำ จากนั้นตนเองจึงไปเปิดดูโดยไม่พบ ทรัพย์สินมีค่าพบเพียงกล่องเปล่าเท่านั้น

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยข้างห้องซึ่งเป็นชาวต่างด้าว โดยที่ตำรวจตั้งประเด็น ค่าชิงทรัพย์และเอาทรัพย์นั้นไป ทองที่หายไปนั้นมีรายการดังนี้ทรัพย์สินที่หายไป สร้อยคอทองคำ 2 เส้น 3 บาท 1 เส้น 50 ตังค์ 1 เส้น และสร้อยข้อมือจำนวน 2 บาท 1 เส้น รวมถึงกระเป๋าสตางค์ของผู้ตายด้วย ประมาณ 5,000 บาทรวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 180,000 บาท รวมถึงกุญแจรถจักรยานยนต์ของตนเองด้วย

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบเบาะแสหรือผู้ต้องสงสัยแล้วเพียงแต่ขอรอหมายเพื่อที่จะทำการจับกุมและจะแจ้งข้ากล่าวหาให้ทราบออีกครั้งต่อไป