อาชญากรรม

ไล่ไทม์ไลน์สุดมึน! ยังจับไม่ได้ 'จ่าสิบโท' แฮกเกอร์ 9Near ปิดมือถือหนี ติดวันหยุด

โดย passamon_a

9 เม.ย. 2566

412 views

ความคืบหน้าการติดตาม จ่าสิบโทเขมรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุในการนำข้อมูลประชาชนออกมาเผยแพร่ โดยเฉพาะข้อมูลของบุคคลสำคัญในสังคม รวมถึงนักการเมือง และข้อมูลที่เป็นความลับออกมาเปิดเผยสู่สังคม โดยพบว่าตำรวจได้สืบสวนจนรู้ตัวว่าจ่าสิบโทรายนี้ อยู่สังกัดใดและอาศัยอยู่ที่ใด แต่ยังจับไม่ได้


เมื่อวานนี้ (8 เม.ย.66) หลังจากทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ของเราได้ข้อมูล ก็เดินทางไปที่ห้องพักของจ่าสิบโทเขมรัตน์ พบว่าถูกปิดล็อกและไม่มีผู้อยู่อาศัยภายในห้อง ข้างห้องมีเตาอั้งโล่ และหม้อจิ้มจุ่ม ลักษณะคล้ายมีการเผาอะไรบางอย่างในหม้อดินนี้


จากการสอบถามเพื่อนบ้านข้างห้อง ระบุว่า จ่าสิบโทเขมรัตน์นั้นไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้มาระยะหนึ่ง จะเทียวไปเทียวมาระหว่างห้องพักกับบ้านของภรรยา ที่เป็นพยาบาล แต่ทั้งนี้เพื่อนที่อยู่ในแฟลตเดียวกัน ก็ต่างตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าจ่าสิบโทเขมรัตน์ จะมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญเรื่องไอที จนสามารถหาข้อมูลของบุคคลอื่นได้


ช่วงบ่าย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด พร้อมประสานนายทหารพระธรรมนูญนำตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ภายใน 7 วัน หลังถูกศาลสามารถออกหมายจับ ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ หลังก่อเหตุนำข้อมูลบุคคลสำคัญและประชาชนออกมาเผยแพร่ เข้าข่ายความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน


หลังมีข่าวแพร่สะพัดออกไป มีรายงานว่าตำรวจชุดสืบสวนทราบเบาะแสของจ่าสิบโท และภรรยาแล้ว โดยยังคงอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้มีรายงานว่า จ่าสิบโทรายนี้ไม่ได้ก่อเหตุเพียงผู้เดียว มีผู้ร่วมก่อเหตุด้วย แต่ยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าเป็นทหาร หรือพลเรือน


หลังจากที่กระแสข่าวสะพัดไปอย่างหนัก ทำให้มีรายงานว่าจ่าสิบโทรายนี้ ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด เพื่อที่จะเข้ามอบตัวกับตำรวจ สอท. ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายนนี้


โดยการเข้ามอบตัวนั้นก็จะมีทหารพระธรรมนูญเข้าไปร่วมในการมอบตัวกับตำรวจตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัด ว่าจะเข้ามอบตัวจริงหรือไม่ และหากไม่มอบตัวในวันจันทร์ ก็จะติดวันหยุดราชการ ช่วงสงกรานต์


ทีมข่าวสอบถามแหล่งข่าวระดับสูง ให้ข้อมูลว่า การติดตามจับกุมจ่าสิบโทรายนี้ไม่ได้ใช้วิธียุ่งยากหรือต้องใช้ขั้นตอนพิเศษอะไรตามที่กระแสสังคมสงสัย แต่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และออกหมายจับ และรู้ตัวตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน แต่ในขณะที่กำลังจะเข้าจับกุม พบว่าเป้าหมายนั้นไม่อยู่นิ่ง จึงทำให้การจับกุมเลื่อนออกไป


รวมถึงในส่วนของการจับกุม ต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงในการดำเนินการ ขอยืนยันว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ใด แต่ทุกขั้นตอน ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดีอีเอส ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการในเรื่องนี้ ตำรวจมีหน้าที่จับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ข้อมูลสืบสวนเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น กระทรวงดีอีเอสเป็นผู้รู้และชำนาญการมากกว่า


ทั้งนี้ในการแถลงข่าว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส มีช่วงหนึ่งระบุว่า ที่ไม่สามารถจับจ่าสิบโทรายนี้ได้ "เนื่องจากปิดโทรศัพท์ ทำให้ยากในการจับกุม"


ทีมข่าวได้สอบถามแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทำการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ รายใหญ่หลายคดี ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะปิดโทรศัพท์มือถือ แต่ตำรวจมีวิธีการในการสืบสวนสอบสวนและจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่เรื่องโทรศัพท์มือถือ แต่ในกรณีของจ่าสิบโทรายนี้นั้น มีรายละเอียดอื่นเกี่ยวข้อง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรอฟังคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชารวมไปถึงกระทรวงดีอีเอส ซึ่งรู้ข้อมูลทั้งหมดเป็นอย่างดี


ไล่เรียงไทม์ไลน์

- 3 เม.ย.66

ศาลอาญาออกหมายจับ นายเขมรัตน์ หรือ จ่าสิบโทเขมรัตน์ ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.978/2566 ลงวันที่ 3 เมษายน 2566 ในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน, เผยแพร่ หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน


การทำงานของตำรวจเมื่อศาลอนุมัติหมายจับ ก็ต้องจับกุม แหล่งข่าวระดับสูง ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจและหน่วยงานที่้เกี่ยวข้องได้เฝ้าติดตามและรู้ตัวทหารรายนี้ที่ก่อเหตุ และพยายามกำลังเข้าไปจับกุม โดยที่ทหารรายนี้ไม่ได้หนีไปไหน ก็อาศัยอยู่ในแฟลตที่พักของทหาร และขับรถวนไปมาแถวแจ้งวัฒนะ และขับวนเวียนอยู่ข้างนอก เป็นเวลาหลายชั่วโมง เหมือนรู้ตัวว่ามีการติดตามจับกุม


จนถึงช่วงเย็น เป็นช่วงที่ภรรยาจ่าสิบโท ซึ่งเป็นพยาบาล เลิกงาน จ่าสิบโทก็มารับภรรยา ในช่วงจังหวะนี้ พบว่าตัวภรรยากำลังเดินในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ส่วนตัวจ่าสิบโท รอที่ลานจอดรถ หากเป็นคดีทั่วไป เมื่อตำรวจเห็นเป้าหมายแบบนี้ก็จะเข้าจับกุมทันที แสดงหมายจับและเชิญตัวไปสอบปากคำ แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าอยู่ดี ๆ จ่าสิบโทรายนี้ก็ขับรถออกจากย่านแจ้งวัฒนะไปแถวพระราม 9 ส่วนภรรยาก็แยกกัน


ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าว พบว่าขณะที่จ่าสิบโทรายนี้ เคลื่อนไหวไปตามจุดต่าง ๆ ใช้รถจักรยานยนต์ เหตุใดตำรวจไม่ตามประกบแล้วจับเหมือนคดีอื่น ๆ หรือแจ้งสกัดจับ และในวันนั้น ตำรวจก็ต้องยกเลิกภารกิจ และพบว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นคนแถลง โดยรัฐมนตรีระบุว่า รู้เป้าแล้ว ล็อกเป้าแล้ว แต่ก็เกิดคำถามสังคมว่า เมื่อรู้แล้วทำไมไม่จับ


- 4 เม.ย.66

จ่าสิบโทเขมรัตน์ และภรรยา เริ่มเห็นข่าวตนเอง ก็ไม่ได้มาทำงาน และได้ออกจากแฟลตที่พัก ซึ่งคาดว่าหนีไปแล้ว

- 5 เม.ย.66

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ที่ สตช. ระบุว่าพบข้อมูลของจ่าสิบโทแล้ว และผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ได้มีการประสานจะเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สอท. จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ที่ก่อเหตุเพราะเหตุคึกคะนอง และไม่ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ก่อเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ หรือทำให้บุคคลที่มีข้อมูลนั้นเสื่อมเสียหรือเสียหายใดใดทั้งสิ้น เป็นแค่การลองวิชาเท่านั้น

- 6 เม.ย.66 (วันจักรี วันหยุดราชการ)

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามตำรวจทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงกระทรวงดีอีเอส ซึ่งเป็นผู้ดูแลและทราบข้อมูลเบื้องลึกของการก่อเหตุของจ่าสิบโทรายนี้ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครให้คำตอบได้ และต่างฝ่ายต่างระบุว่ารอผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยจะเป็นผู้ชี้แจงเอง  


ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่าหากมีการเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนจริง เหตุใดจึงไม่มีภาพปรากฏ ในส่วนของการเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และพยายามสอบถามข้อมูลก็กลับไม่ได้รับข้อมูลใดใดทั้งสิ้น


- 7 เม.ย.66

ช่วงเช้า พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวที่มาดักรอสัมภาษณ์ ว่ารายละเอียดทั้งหมดคดีนี้ รัฐมนตรีดีอีเอส จะเแถลงในเวลา 15.00 น. ให้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามรายละเอียดทั้งหมดจากทางรัฐมนตรีโดยตรง


- 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย.66

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส แถลงข่าวยืนยันว่าทหารที่ก่อเหตุนั้นได้หลบหนีไปแล้ว และไม่สามารถติดตามจับตัวได้ เนื่องจากปิดโทรศัพท์มือถือ โดยยอมรับว่าผู้ก่อเหตุตำแหน่งเป็นทหารยศจ่าสิบโท แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบไอทีของทางราชการ และไม่ได้แฮกข้อมูลมาจากเว็บหมอพร้อม ตามกระแสข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้


ทั้งนี้ได้มีการประสานตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ติดปัญหายากในการจับกุมเนื่องจากมี "การปิดโทรศัพท์ทำให้ติดต่อสื่อสารได้ยาก"


หลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้นก็เกิดคำถามทางผู้สื่อข่าวและสังคม ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส และผู้เกี่ยวข้อง กระทำการใดกับคดีนี้ "ทำไมจึงจับยาก หรือว่าจ่าสิบโท รายนี้เกี่ยวข้องหรือเป็นลูกน้องของบุคคลสำคัญคนใด เหตุใดจึงปล่อยเวลาล่วงเลยมาหลายวัน"


- 8 เม.ย.66

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ตรวจพบว่า จ่าสิบโทรายนี้ พักอาศัยที่แฟลตทหารแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ จึงพยายามเข้าไปเพื่อที่จะสอบถามรายละเอียด และขอเข้าพบกับจ่าสิบโทรายนี้ แต่ปรากฏว่าห้องนั้นถูกปิดล็อก ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ยืนยันว่าหากจ่าสิบโทรายนี้อยู่ในประเทศไทย แผ่นดินไทย จะต้องจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้


"ขณะที่แหล่งข่าวรายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จากข้อมูลที่ตรวจพบ จ่าสิบโทพร้อมภรรยา ยังคงอยู่ในประเทศไทย และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง"


ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ และยังเป็นการให้ข้อมูลที่สับสนกับประชาชน แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่เกิดความเสียหายกับรายชื่อบุคคลที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลความลับส่วนบุคคล แต่คือความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน ที่ไม่รู้ว่าข้อมูลความลับของตนเองจะรั่วไหลออกสู่สาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องรอรายละเอียด จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ylcq6Y96ibA

คุณอาจสนใจ

Related News