ค้นบ้าน จนท.เขตราชเทวี เรียกสินบน 3.2 ล้าน สอบเส้นทางเงิน พบหมุนเวียนนับร้อยล้าน

คดีหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับเงินกว่า 3 ล้าน 2 แสนบาท จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แลกกับการไม่ต้องเสียภาษีที่ดินประมาณ 40 ล้านบาท วันนี้มีความคืบหน้าทางกองบัง

คับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ได้เข้าค้นหาหลักฐานที่บ้าน พบทรัพย์สินจำนวนมาก ตัวภรรยามีเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท ที่ต้องตรวจสอบที่มา และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง



พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผย ว่า จากการตรวจค้นหาหลักฐาน ที่บ้านของหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี พบ เอกสารทางธุรกรรม แผนประทุษกรรม ในการเรียกรับสินบน ซึ่งเตรียมจะขยายผลต่อไป โดยเฉพาะรายชื่อของบุคคลที่ปรากฏบนเอกสาร



โดยในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย. 66) ได้เตรียมที่จะตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เบื้องต้นมีการเรียกสอบปากคำผู้ต้องหา ภรรยาและลูกน้องไปแล้ว รวม 3 ปาก ผู้บังคับการปปป. บอกว่า ตัวผู้ต้องหาไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ ส่วนภรรยา ให้การอ้างว่า เงินที่พบภายในบ้านนั้น เป็นเงินจากมรดกของตนเองบ้างหรือสามีให้มาบ้าง ไม่มีส่วนรู้เกี่ยวข้องใด ๆ และก็นำเงินดังกล่าวไปลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์



ซึ่งทางตำรวจจะสอบสวนหากเส้นทางการเงินต่อไปว่า เงินก้อนดังกล่าวถูกนำไปใช้ลงทุนอะไรบ้าง แต่จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่าภรรยามีเงินหมุนเวียนมากกว่าร้อยล้านบาท



ทั้งนี้จากพฤติการณ์ของผู้ต้องหามักจะหลีกเลี่ยงเส้นทางการเงินไม่ให้ปรากฎชื่อของตนเองผ่านการโอนส่งมอบให้คนอื่นถือเงิน จึงต้องสอบสวนเส้นทางการเงินโดยละเอียด



ส่วนพยานเอกสารที่ตรวจยึดได้นั้น พบว่าหนึ่งในนั้นมีบันทึกแจกแจงเกี่ยวกับการจัดเก็บเรียกสินบนและแจกจ่ายเงิน ซึ่งมีมากกว่า 10 คน แต่มีทั้งบุคคลที่ตำแหน่งสูงและต่ำกว่าคละกันไป หลังจากนี้จะเรียกบุคคลที่ปรากฎรายชื่อทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน แต่หากพบเส้นทางการเงินหรือมีความเชื่อมโยงกับแผนประทุษกรรม ก็จะดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ จะสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังไปในสมัยที่ผู้ต้องหาทำงานที่เขตพญาไทด้วย



ผู้บังคับการปปป. ยอมรับว่าผู้ต้องหามีความสามารถในการทำงานเรื่องจัดเก็บเงินและทำงานอยู่ในตำแหน่งนี้มานานมากกว่า 3 ปี จึงอาศัยประสบการณ์และช่องว่างในการเรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการ ซึ่งลักษณะประทุษกรรมเรียกรับสินบนเช่นนี้ คาดว่าสามารถพบได้ในอีกหลายเขตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งตอนนี้ทาง ปปป. ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ประสานข้อมูลและหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีข้าราชการหรือลูกจ้างที่ประพฤติทุจริตมิชอบ



คาดว่าจะสอบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการเช่าพระเครื่องและลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ และบุคคลอื่น ๆ จะเร่งให้ทันกรอบเวลา 30 วัน นับจากวันที่แจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีต่อไป