เลือกตั้งและการเมือง
ศาลฎีกาฯ ยืนคุก 6 ปี 'อนุรักษ์' ไม่รอลงอาญา คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมบาดาล
โดย panwilai_c
9 ก.ค. 2567
89 views
ศาลกีฎาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 6 ปี นายอนุรักษ์ อดีต สส.เพื่อไทย ปมเรียกสินบน 5 ล้าน จากอธิบดีกรมน้ำบาดาล ก่อนส่งตัวเข้าเรือนจำทันที
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ กรณีที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ฟ้อง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย (จำเลย) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คดีเรียกรับสินบน 5 ล้านบาทจาก นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เมื่อครั้งที่นายอนุรักษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ใน กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ในการพิจารณางบประมาณ โครงการขุดเจาะน้ำบาดาลพลังงานแสงอาทิตย์
โดยช่วงเช้า นายอนุรักษ์ เดินทางมาถึงศาลประมาณ 09.30น. โดยมีสมาชิกมูลนิธิตั้งปณิธานนท์ 100 คน มารอให้กำลังใจ รวมถึง นายสมคิด เชื้อคง ได้เดินทางมาด้วย
จากนั้น เมื่อนายอนุรักษ์มาถึง ก็มีคนมามอบดอกกุหลาบสีขาวให้ และเจ้าตัวเปิดเผยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี ว่าตนเองตนสบายใจ คดีนี้ที่เป็นคดีความเพราะตนทำหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณ ฝ่ายค้าน หน้าที่คือทำให้งบประมาณเหมาะสมกับราคา ไม่ว่าจะเป็นกรมหรือกระทรวงไหนๆ ก็ต้องมาขอ เรามีหน้าที่ซักถาม ยืนยันทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหน้าที่ที่เราต้องถาม แต่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลไม่ส่งแบบแปลนประมาณการให้ เค้าหวงแบบแปลนไปทำไม เพราะเราได้ตรวจสอบแล้วว่ามีการทำผิดแบบทั้งประเทศ
ในสำนวนคดี ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ เลย ไม่มีวัตถุพยาน เช่น แชทไลน์ หรือ เส้นเงิน หรือลอซื้ออะไรก็ไม่มี รวมถึง หรือประจักษ์พยานในคดีก็ไม่มี ซึ่งคดีนี้ที่มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะฉะนั้น พนักงานสอบสวนมักจะมีการล่อซื้อ เพื่อจะต้องได้หลักฐานมั่นคง เพราะอัตราโทษสูง แต่คดีตนไม่มีอะไรเลย มีคนกล่าวหาคือ นายศักดาเท่านั้น และนายศักดาก็มีความโกรธเคืองอาฆาตตน และพยานปากเดียวที่ศาลเชื่อลงโทษตน เพราะนายศักดา เป็นข้าราชการระดับสูง
ส่วนตัวมองว่า ไม่ถูกต้อง และนายศักดาก็ให้การไม่อยู่กับร่องกับรอย ให้การขัดแย้งกับตัวเอง และพยานปากอื่น ส่วนพยาน 16-17 ปาก เป็นพยานบอกเล่าทั้งหมด ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่นายศักดาอ้าง ป.ป.ช. ก็ไม่สอบไว้ในสำนวน ข้อมูลเหล่านี้ตนส่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยอุทรณ์หมดแล้ว และเชื่อว่าท่านจะพิพากษาคดีถึงที่สุด ท่านต้องเชื่อโดยปราศจากความสงสัยถึงจะลงโทษตนได้ ตนจึงมั่นใจว่าศาลฎีกาจะให้ความเป็นธรรมกับตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลวันนี้ไม่ได้เป็นบวกจะทำอย่างไร นายอนุรักษ์ เผยว่า สุดแล้วแต่ ถ้าศาลตัดสินยังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น อุทธรณ์ไม่ได้ สุดท้ายแล้ว
และตนขอให้คดีนี้เป็นคดีแรก และคดีสุดท้ายที่กล่าวหา สส. เรียกรับเงินจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งคำกล่าวหาที่ว่าเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปรับลดงบประมาณ ตนเป็นหนึ่งใน 500 เสียง พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคก็ไม่สามารถต่อรองเรียกเงินใครได้ เพราะเป็นฝ่ายค้าน จะกล่าวหา สส. ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับการปรับลดงบประมาณให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ฉะนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เข้าใจกฎหมายดังกล่าว คำกล่าวหาก็ไม่สมเหตุสมผล และ นายศักดา จะกลัวตนทำไม จะเอาเงินมาให้ตนทำไม ยืนยันว่าไม่มี
โดยคดีนี้ ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 66 ให้จำคุก 6 ปี และให้นายอนุรักษ์ พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 65 เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ตามที่ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาในคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม โดยอนุญาตประกันตัว 1 ล้านบาทและจำเลยอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
ก่อนที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ในวันนี้
ล่าสุด ศาลได้อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก นายอนุรักษ์ 6 ปีไม่รอลงอาญา และนำตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที
จากนั้นนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นายอนุรักษ์ เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า ศาลพิพากษามีอยู่ 3-4 ประเด็น คือ ประเด็นแรก เจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ในการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณ ถึงแม้จะไม่มีอำนาจในการปรับลด แต่มีอำนาจในการเสนอ
ส่วนประเด็นที่สอง การเรียกรับเงิน ศาลเชื่อพยานปากเดียวคือ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ถึงแม้จะไม่มีเส้นทางเงิน หรือแชทไลน์ หลักฐานใดๆ เพราะมีพยานแวดล้อมที่ นายศักดิ์ดา ได้ไปพูดกับบุคคลอื่น และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงเชื่อว่าสิ่งที่ นายศักดิ์ดา พูดเป็นเรื่องจริง
สำหรับประเด็นที่ 3 ส่วนการซักถามงบประมาณในคณะกรรมาธิการ เป็นการซักถามที่ศาลมองว่าไม่มีพยานหลักฐานที่จะซักถาม ไม่ใช่การตรวจสอบ แต่เป็นการสร้างความกังวลใจให้กับอธิบดี
และประเด็นที่ที่นายศักดิ์ดา บอกว่ามีเทป มีคลิป แต่ไม่มี ซึ่งเป็นการเบิกความแตกต่าง แต่ไม่ใช่เบิกความแตกต่างในสาระสำคัญ จึงศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี คดีถึงที่สุดแล้วทำอะไรไม่ได้
ทนายเดชา ยังระบุว่า คดีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักการเมืองที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณ ต้องระวังเวลาซักถามในชั้นกรรมาธิการต้องถามตามปกติ ถ้าซักไปซักมา วนไปวนมา เค้าอาจจะมองว่าเรามีเจตนาทุจริต ตบทรัพย์ และการจะตรวจสอบการใช้งบประมาณของกระทรวง ทบวง กรม จะต้องมีหลักฐานประกอบ ถ้าเราซักถามโดยไม่มีหลักฐานประกอบ ศาลจะมองว่าไม่ใช่การตรวจสอบแต่เป็นการสร้างความกังวลให้กับอธิบดีแต่ละกรมว่าจะโดนตัดงบประมาณ มองว่าส่อไปในทางทุจริต
ส่วนเรื่องการต่อสู้คดี ถ้าต้องการนำพยานหลักฐานมาสู้คดี ตนฝากถึงนักการเมือง พอโดนแจ้งข้อกล่าวหาคำพิพากษาของศาลฎีกา ต้องนำพยานมาให้ ป.ป.ช. ไต่สวนภายใน 30 วัน ถ้าเกินกำหนดจะทำให้เสียโอกาสในการเรียกพยานบุคคลมาสู้คดี
สำหรับการขอเอกสารหลักฐานจากอธิบดีต่างๆ กรรมาธิการจะโทรศัพท์ไปคุยเองไม่ได้ เหมือนกรณีของนายอนุรักษ์ ที่โทรไปหานายศักดิ์ ทนายเดชา บอกว่าต้องผ่านเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา นี่คือบทเรียนที่จะต้องระมัดระวังในการทำหน้าที่กรรมาธิการ
นอกจากนี้ ศาลก็เชื่อคำพูดของอธิบดีในการให้ปากคำว่า เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน
เมื่อถามถึงสภาพจิตใจของนายอนุรักษ์ ทนายเดชา เผยสั้นๆ ว่า นายอนุรักษ์ ทำใจได้ทำใจตั้งแต่ก่อนมา ไม่มีอะไรต้องกังวล มีเพียงโรคส่วนตัวที่จะต้องกินยา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/H5h1EERAYgA
แท็กที่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกา ,เรียกสินบน ,จำคุก ,ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง