จนท.บุกค้นจับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโคราช ทุจริตจัดสัมมนาทิพย์ 32 อำเภอ

เมื่อปีที่แล้ว มีพลเมืองดีส่งเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. จนนำมาซึ่งการสอบสวนหาหลักฐาน จนพบหลักฐานการทุจริต ที่เกิดขึ้นในปี 2562


มีการทุจริตเบิกงบจัดสัมมนาทิพย์ 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยปลอมลายเซ็น และมีบางส่วนใส่ชื่อคนตายเข้าสัมมนา โดยไม่มีการสัมมนาจริง วันนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ปปง. ตำรวจ ปปป. ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ช.ในพื้นที่ ได้ร่วมกันตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่ม พร้อมทั้งอายัดทรัพย์สินที่สงสัยว่า อาจได้มาจากการทุจริต


เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายสันติ ทวยมีฤทธิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา


หลังตรวจสอบโครงการการจัดอบรมควบคุมป้องกันโรค ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ในช่วงตั้งแต่ปี 2562 ได้มีโครงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ 32 อำเภอ แต่ไม่มีการจัดอบรมจริง แต่กลับมีเอกสารโครงการเบิกเงินงบประมาณค่าสถานที่อบรม และค่าอาหาร โดยมีรายชื่อชาวบ้านในแต่ละพื้นที่เข้าร่วมอบรม แต่ผู้มีรายชื่อเหล่านั้นยืนยันว่า ไม่ได้เข้าอบรม และไม่ได้เป็นคนลงรายมือชื่อในเอกสาร บางพื้นที่มีรายชื่อผู้เสียชีวิตอยู่ในผู้ร่วมอบรมด้วย ส่วนสถานที่ใช้จัดอบรมเป็นสถานที่ราชการ แต่หน่วยงานเจ้าของสถานที่ยืนยันว่า ไม่มีหนังสือขอใช้สถานที่


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าบ้านอีก 3 หลัง ซึ่งเป็นบ้านของนายสันติ 1 หลัง / ส่วนอีก 2 หลัง เป็นบ้านของเครือข่าย ทั้งหมดอยู่ในอำเภอเมืองนครราชสีมา


นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดแถลงข่าวการตรวจค้น ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริง การทุจริตจัดโครงการอบรมเท็จ ของสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทด พบหลักฐานมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงตัวการใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา พบทรัพย์สินต้องสงสัยหลายรายการ เช่น บ้านพักหรู รถยนต์ และเงินสด ซึ่งเกินกว่าฐานานุรูปของข้าราชการตำแหน่งดังกล่าว


นายเทพสุ บวรโชติดารา รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว มีทั้งบัญชีเงินฝาก รถแทร็กเตอร์ กระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอีก รวม 30 รายการ มูลค่า 2 ล้านบาท พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 50 ล้านบาท มีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกี่ยวข้อง เบื้องต้น 4 ราย และขยายผลเพิ่มเติมพบมีเกี่ยวข้องเพิ่มอีก 2 ราย หากตรวจสอบแล้วพบว่า เข้าข่ายฟอกเงิน จะต้องถูกดำเนินคดี เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน โดยหลักฐานทางการเงินตอนนี้สิ้นสุดอยู่ที่ รอง สสจ.นครราชสีมา แต่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบขยายผลต่อไป