เปิดแชท 'เบนซ์ เดม่อน' ขู่เดือดหลังเลิกรา - ย้อนอดีต 'ดิว' เลือดอาบ เย็บ 39 เข็ม อ้างกรอบรูปตกใส่

ภายหลัง เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 66 นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเศรษฐกิจไทย โพสต์ภาพ ดิว อริสรา ถูกทำร้ายร่างกาย ระบุข้อความว่า “ถ้าผู้หญิงคนนึงโดนทำขนาดนี้ และ ออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง และทำเพื่อประเทศในการออกมาให้ข้อมูลเครือข่ายการพนันใหญ่ด้วย เราก็ควรออกมาปกป้องเขาหรือไม่ หรือเราควรมาตั้งคำถามมากมาย ว่าเพราะอะไร แถมเมือวานยังมีคนที่ไม่รู้เป็นใคร ไปป่วนที่ร้านเค้าอีก ผมในฐานะพี่ชาย คงจะต้อง support หรือไม่ครับ (รูปบางส่วนถ้าเห็นหมดจะเป็นลม) #เซฟดิว”

ล่าสุด วานนี้ (9 ก.พ. 66) นายไผ่ ลิกค์ ให้สัมภาษณ์หลังออกรายการโหนกระแส ระบุว่า ที่จริงแล้ว ดิวไม่ได้อยากเปิดเผยเรื่องที่ถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนต้องออกมาปกป้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

อย่างเมื่อวันที่ 7 และ 8 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา มีชาย 2 คน ไปที่ร้านทำเล็บ และถามหาดิว ซึ่งตนรู้แล้วเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่วันแรกที่โพสต์ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนก็เป็นห่วง และร้านนั้นก็มีหุ้นกันกับเพื่อนดาราหลายคน ก็ตกใจกันหมด  ส่วนเรื่องอื่น ตนไม่อยากยุ่งตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เห็นว่าจำเป็นแล้ว

คุณไผ่ ยังบอกอีกว่า ภาพที่นำมาเปิดเผย ตนได้จากดิวนานแล้ว ที่ดิวส่งมาให้ เนื่องจากดิวกลัวโดนฝ่ายชายลบภาพจากโทรศัพท์มือถือ เลยส่งมาฝากไว้ และตนก็ไม่เคยเอาให้ใคร วันนี้ดิวก็ไม่ได้อยากจะให้เอาออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มันถึงเวลาแล้ว เพราะมีกระแสจากเพจที่ออกมาตั้งคำถามว่า ดิวออกมาเปิดโปงทำไม

ขณะเดียวกัน ก่อนเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ ตนได้คุยกับดิวแล้ว เตือนดิวแล้วว่าจะมีผลลัพธ์อะไรบ้าง ซึ่งดิวเองก็รับทราบแล้ว

เมื่อถามว่า ตอนที่ดิวถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมีการมาปรึกษาหรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า  “ดิวเป็นคนสู้ ตอนเขามีความรัก เขาก็ไม่บอก จะเก็บไว้ จนวันหนึ่งที่หนักมากที่สุดแล้ว ถึงจะค่อยๆมาเล่า และตนก็เข้าไปในวันที่เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องการอะไร โดยตนแค่เข้าไปซัพพอร์ตนิดหน่อย ในฐานะพี่ชายคนสนิท  แม้แต่เดิมสถานภาพก่อนหน้านี้เป็นอย่างอื่น ทำให้ที่ผ่านมาบางครั้ง ตนก็ไม่เข้าไป ทุกวันนี้บางทีก็ไม่กล้าโทรไป ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะก็ต้องเคารพแฟนเขา อันนี้คือสิ่งที่ทำกันตลอด”

ส่วนประเด็นว่า ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ โดนอย่างไรบ้างนั้น คุณไผ่บอกว่า ไม่ขอเล่ารายละเอียด แต่ดิวเคยเล่ารายละเอียดให้ตนฟัง ซึ่งตอนนี้ดิวห่วงเรื่องลูก ไม่อยากให้เรื่องนี้ลูกรับทราบ แต่ตอนนี้มันหนีไม่ได้จริงๆ เพราะโดนตั้งคำถามจากสังคม

ส่วนประเด็นที่ว่า ในวันสุดท้ายที่คุณดิวไม่ไหวแล้ว และเดินออกมา วันนั้นคุณไผ่เป็นคนเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ คุณไผ่ตอบแต่เพียงว่า “ตนคอยซัพพอร์ต ถ้าเขาร้องอะไรมา ก็ทำให้ตามนั้น ซึ่งจริงๆ เรื่องไม่ควรมาถึงตรงนี้ (การเปิดเรื่องโดนทำร้ายร่างกาย) ถ้ามันจบไปตั้งแต่สิ่งที่ดิวเปิดมา

เมื่อถามว่า พอทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ตัวคุณไผ่เองได้คุยกับเบนซ์หรือไม่ คุณไผ่บอกว่า ตนไม่มีอะไรจะคุย เพราะมองว่าคนที่ถ้าทำได้ขนาดนี้ ก็ไม่ต้องคุยแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไร ที่ผ่านมาได้แต่คอยปราม เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งตอนนั้นก็มีการขู่ อย่างขู่ยิง ขู่อะไรแบบนี้ ถามว่ากลัวไหม ไม่มีใครกลัวหรอก บ้านเมืองมีขื่อมีแป แต่อยากให้หยุด ให้เข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง ทุกอย่างมันก็จะจบ

ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา จะเข้ามาช่วยดูเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ก็ยืนยันไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ถ้าผิดว่าไปผิด ถูกว่าไปตามถูก ให้กระบวนการต่างๆ เดินตรงไปตรงมา

โดยตอนนี้ ขอติดตามก่อน หากพบความไม่ชอบมาพากล จะดำเนินการตามช่องทางในฐานะ ส.ส. ทั้งยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการตำรวจของสภา เพื่อเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ รวมถึงอาจจะร้องเรียนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

สำหรับเรื่องที่ต้องตรวจสอบ เช่น เรื่องที่ตำรวจเข้าไปที่ร้าน ตนคงไปยื่นเรื่องร้องเรียน ให้เรียกมาสอบถามว่า เข้าไปทำไม ถ้าจะบอกไม่รู้เป็นร้านดิว ตนขอถามว่าร้านอื่นก็ไม่เห็นเข้าไป มองว่ามันไม่เมคเซนส์ 

เมื่อถามว่า ตำรวจที่เข้าไปตรวจค้นร้านของดิว เป็นลูกน้องของรอง ผกก.แห่งหนึ่งหรือไม่ คุณไผ่ตอบว่า ก็อาจเป็นไปได้ แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป

คุณไผ่ยังบอกอีกว่า ตนดูแลเรื่องแบบนี้อยู่แล้วในทุกมิติ และก็ผู้หญิงที่ถูกกระทำเคยมาร้องเรียน ก็ทำมาตลอด ถ้าไม่หยุดก็ต้องฟ้องผู้ใหญ่ เพื่อให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และเรื่องกฎหมายก็ต้องปรับปรุง เช่ นเรื่องการคุ้มครองผู้หญิง หรืออะไรหลายอย่าง ที่การทำงานมันช้า
----------------

นอกจากเรื่องมีภาพของดิวที่ถูกทำร้าย ยังมีการเปิดภาพแชทเพิ่มเติม ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง เบนซ์ เดม่อน กับ ดิว อริสรา ภายหลังมีการตกลงเลิกรากัน

โดยเริ่มต้นจากเบนซ์บอกว่า “กูไม่จำเป็นต้องดีกับคนไม่ดี และยิ่งเลิกกันแล้วไม่สนจ้า ซึ่งดิวตอบกลับว่าเราคุยกันดีๆ ไม่ใช่เพื่ออะไร” จากนั้นเบนซ์ตอบกลับว่า “กูไม่มีอะไรต้องคุยดีกับมึง” ซึ่งดิวได้ตอบกลับทันทีว่า “เราเห็นตรงกันแล้วไง ว่าเราควรเลิกกัน / เรามีอะไรให้เกลียดกัน? / ดิวไปทำอะไรเหรอ” ก่อนที่เบนซ์จะตอบกลับมาว่า “กูจะถือว่ากูคุยกับอีเหี้ยตัวปัญหา / ไม่ใช่มึงที่ปกติ / กูจะทำแบบนี้แหละจะได้จบๆไปซักที” ดิวจึงตอบกลับอีกว่า “ถ้าดิวทำ ดิวขอโทษ / แต่เราเลิกกันและคุยกันดีๆ” ซึ่งเบนซ์ได้ตอบกลับทันทีว่า “คนอย่างมึงต้องเลี้ยงด้วยมือด้วยตีน ทำดีด้วยแล้วอวดเก่ง”

เบนซ์ยังบอกอีกว่า “กูไม่ต้องกลัวใคร ไม่ต้องเกรงใจหรือไว้หน้าใคร เพราะทำด้วยตัวเอง และทำใหม่ได้อีกเสมอ” พร้อมตอบกลับฝั่งดิวที่บอกว่า “ใจเย็นๆเหอะ” ว่า “คำนี้มึงควรพูดกับตัวเอง ถ้าใจเย็นคงไม่มาถึงจุดนี้ กูเลือกแล้วพรุ่งนี้รู้กัน คนไหนกูทำไม่ได้ กูจะยิงมันด้วยตัวกูเอง”

ขณะที่ดิว บอกว่าตนใจเย็นแล้ว ซึ่งเบนซ์ ตอบกลับประโยคนี้ว่า “สายไปแล้ว” ซึ่งดิวตอบกลับอีกว่า “ดิวไม่ได้จะขอโอกาสอะไรแต่ถ้าวันนี้ถ้าเรายอมรับได้ว่าเราเข้ากันไม่ได้แล้วเราจะทะเลาะกันทำไม”

จากนั้นเบนซ์ ตอบกลับมาอีกว่า “กูกลับมาเดินได้เมื่อไร พวกมึงเตรียมใจได้เลย ถ้ายังไม่รู้ตัวก็เรื่องของมึงแล้ว” ดิวตอบกลับว่า “เฮียเบนซ์ใจเย็นๆนะ / เราเลิกกัน เพราะดิวไม่ใช่สำหรับเฮียเบนซ์ / ไม่เกี่ยวว่าต้องใจร้อนอะไรอื่นๆ / ดิวก็ยื้อมานานจนลืมมองว่าดิวคงไม่ใช่จริงๆ ก่อนที่เบนซ์จะตอบมาว่า “เดี๋ยวรู้กัน”ซึ่งดิวได้ตอบกลับไปอีกว่า “ก็ขอโทษ” ขณะที่เบนซ์ ตอบกลับดิวอีกว่า “กูใจเย็นแล้วมันเป็นแบบนี้ ไอ้สัส ใจเย็นๆๆๆๆ เย็นไรอีก / เย็นจนไม่รู้จะเย็นยังไงแล้ว” ซึ่งดิวตอบกลับมาว่า “ แต่เราคุยกันรู้เรื่องดีๆแล้วป่าว” ก่อนที่เบนซ์จะตอบกลับทิ้งท้ายว่า “ไอ้พวกเหี้ย มึงด้วย”

----------------

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2562 ดิว อริสรา เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นเกิดอุบัติเหตุต้องเย็บที่หน้า 9 เข็ม / เข่า 25 เข็ม และนิ้ว 5 เข็ม

โดยดิว ระบุว่า อุบัติเหตุดังกล่าว เกิดจากการปีนขึ้นไปแขวนรูปแล้วหงาย จากนั้นแทนที่จะปล่อยรูปทิ้ง กลับกอดรูป ส่งให้เกิดการกระแทกแล้วกระจกแตกใส่หน้า จากนั้นก็ลุกขึ้นโดยทันที ทำให้กระจกแทงที่เข่า ซึ่งเกิดขึ้นประมาณช่วงต้นเดือน ส.ค.62

ส่วนบาดแผล ได้รับการรักษาจากหมออย่างเต็มที่ อย่างเช่นหน้าคนที่รักษาก็คือหมอโอ๊ค สามีคุณโอปอล์ ปาณิสรา ซึ่งก็รักษาและดูแลให้แบบละเอียด ตอนแรกกังวลและใจเสียมาก เพราะแผลเป็นลักษณะทิ่ม และลึกส่งผลให้ต้องเย็บถึง 2 ชั้น

สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้ สอดคล้องกับการที่คุณไผ่ ได้พูดไว้ในรายการโหนกระแสว่า เมื่อตนรู้ว่าดิวหัวแตก จึงได้โทรศัพท์ไปถาม แต่ดิวบอกว่าอุบัติเหตุมาจากการขึ้นไปแขวนรูป แล้วรูปตกใส่ ซึ่งตนมองว่าเป็นไปไม่ได้

----------------

โลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดาราสาวถูกอดีตแฟนทำร้ายร่างกาย โดยมีบางส่วนจับสังเกตว่า สิ่งที่ดิวพูดกับผู้จัดการส่วนตัว อย่าง “หวานเจี๊ยบ” ในรายการ สับปากหวานเจี๊ยบ ตอนหนึ่งได้กลายเป็นที่สนใจ

หลังหวานเจี๊ยบ เผยถึงวินาทีที่ดิวโทรมาว่าเซบขอแต่งงาน “ไม่คิดว่าดิวจะมีวันนี้ เสียงดิวดูดีใจว่า ว่าเซบขอแต่งงาน (เริ่มร้องไห้) มันมีวันนี้จริงๆ เพราะแบบแบบต้องยอมรับว่าดิวผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ และดิวก็สู้ชีวิตจริงๆ กว่าจะมีวันนี้ที่สวยงามแตกต่าง ไม่มีใครรู้เลยว่าดิวเจออะไรมามากจริงๆ พอเราเห็นภาพนี้ ยิ่งเป็นเซบด้วย เราก็รู้สีกดีใจมากๆ” หวานเจี๊ยบกล่าว

ส่วน ดิว กล่าวว่า “พอทบทวนสิ่งที่เราเจอมาเยอะๆ ก็พบว่าเหนื่อยมามากจริงๆ ถึงไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเก่ง แต่ผ่านมาได้เพราะคนรอบข้างดี (ร้องไห้) รู้ว่าเราเป็นยังไง เขาก็ไม่เคยทิ้งเรา เราพูดไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยอยู่ขั้นไหน แต่เราหันมาเรายังมีพี่หวาน มีคุณแม่ (ชมพู่) อยู่ มันก็ผ่านมาได้ แล้วชีวิตเราในวันนี้ที่ทุกคนบอก เฮ้ย โตขึ้นอยากเป็นดิว ชีวิตดีอะไรอย่างงี้ เราก็รู้สึกดีแหละ แต่อยากจะบอกว่า โอ๊ย มันไม่ง่ายหรอก กว่าจะมีวันนี้ แค่จะแนะนำว่าอย่าอยากเป็นดิวเลย เพราะในระหว่างทางมานั้น ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่ผ่านแล้วจะผ่านได้ จะโชคดีเหมือนดิวหรอ

พอทุกวันนี้ดิวเห็นรูปที่ตัวเองมีความสุข ดิวก็จะแท็กไปหาพี่หวาน ว่าแบบวันนี้รู้แล้วนะ ที่เคยพูดว่าอยากให้รักตัวเองเป็นยังไง เศร้า ไม่อยากพูดเหมือนกัน เวลาเราเคลิบเคลิ้มไปกับบางอย่าง ว่าเรารักมากเลย แต่วันนี้ทำให้รู้ว่าเวลาเราเลือกสิ่งที่ดี เหมาะ และเห็นคุณค่าของตัวเอง หรืออะไรก็ตามที่ตีกลับมาวันนี้ นึกถึงคำพูดของพี่หวานที่บอกให้รักตัวเอง ขอบคุณมาตลอด เพราะวันนี้เรามีสิ่งนั้นแล้ว”

หวานเจี๊ยบกล่าวอีกว่า “หวานจำได้เลย มันจะมีวันที่ดิวเหมือนอยู่ รพ. ดิวลืมตามาแล้วก็ตกใจ แบบใครบอกพี่หวาน หลังจากเหตุการณ์นั้น หวานก็พยายามสอนให้ดิวรู้สึกรักตัวเอง ดิวลองดูตัวเองนะ ดูกระจกนะ แล้วดูว่าผู้หญิงในกระจกสวยขนาดไหน มีความดีขนาดไหน ทำไมดิวไม่เคยรักตัวเอง”

------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/IcA5yQ_kvbs