สังคม

สาวหอบหลักฐานยื่นเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ด้านเจ้าคณะฯ สั่ง "ครูบา" แจงใน 7 วัน

โดย paranee_s

11 ม.ค. 2566

579 views

เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (11 มกราคม 2566) ที่กุฏิถิรเสวีวัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นางสาววาสนา หรืออิคคิว อายุ 33 ปี อยู่ในต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น และนางสาวคมคาย หรือบุ๋ม อายุ 43 ปี นำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับภาพลับของ ครูบาชื่อดัง จ.ขอนแก่นเข้ายื่นต่อ พระเทพพุทธิมุณี เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ) และเจ้าคณะอำเภอมัญจาคีรี นายพันเทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายติราช นาถปุญโญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมตรวจสอบที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ควบคู่กับทางคณะสงฆ์ และได้มีการซักถาม พูดคุยกับทางผู้ร้องประมาณ 1 ชั่วโมง


ภายหลังการพูดคุยกับทางฝ่ายผู้ร้อง พระเทพพุทธิมุณี เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ) กล่าวว่า ตอนนี้รับเรื่องจากทางฝ่ายผู้ร้องแล้ว จากนี้ไปก็จะเรียกประชุมคณะสงฆ์ตามลำดับชั้นปกครอง เพื่อตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ตามคำร้องของผู้ร้อง


ในขณะเดียวกันก็จะมีการเรียกครูบา มาชี้แจงข้อเท็จจริง ตามที่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า ครูบาผู้ถูกกล่าวหาติดกิตนิมนต์ ที่อำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้กำชับว่า ให้รีบมาชี้แจงโดยเร็วที่สุดภายใน 7 วัน


ในขณะที่ นายติราช นาถปุญโญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลในรายละเอียดต่าง ๆ ได้ โดยเป็นกระบวนการขั้นตอนของคณะสงฆ์ตามลำดับชั้น


ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นไม่มีอำนาจในการลงโทษ เนื่องจากไม่มีข้อกฎหมายรองรับ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นเองมีเพียงหน้าที่ทำนุบำรุง และส่งเสริมสงเคราะห์พระพุทธศาสนา ในส่วนกรณีของครูบา ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นมีหน้าที่นำข้อมูลถวายให้กับเจ้าคณะจังหวัดเพื่อดำเนินการตามระเบียบของทางคณะสงฆ์ตามลำดับชั้นขั้นตอน


โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น คอยประสานงานในด้านต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางคณะสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ทางด้านนางสาววาสนา หรืออิคคิว กล่าวภายหลังการเข้ายื่นเอกสารต่อเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น และคณะกรรมการว่า เอกสารที่นำมายื่นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องภาพลับ และเอกสารการพูดคุยกับครูบาในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องเงิน และการสร้างวัตถุมงคล ทุกเรื่องมีหลักฐานทั้งหมด



“ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นมาทำร้ายใคร แต่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ที่สังคมต้องรับรู้ว่าที่มีผู้คนนับถือศรัทธานั้น มีพฤติกรรมเช่นไร พูดคุยกับใครบ้าง ไม่ได้มีจิตที่สงบตามที่ปรากฏออกมา และไม่ใช่การกล่าวหาลอย ๆ แค่ทุกเรื่องมีหลักฐาน ในส่วนเรื่องเงินทองที่ใช้จ่ายในวัด ก็เป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง สร้างทุกอย่างให้ จ่ายเงินให้ เพราะครูบาบอกว่า อย่าทิ้งวัด ให้ช่วยกันสร้าง แต่พอช่วยสร้าง ช่วยดูแล กลับถูกกล่าวหาว่าโกง ว่าทำไม่ดี จนสุดท้ายก็มาพบเรื่องภาพลับที่ส่งให้กับหนุ่มวัยรุ่นชาวเชียงใหม่ จึงเลิกศรัทธา และถอยออกมา”



อิคคิว กล่าวอีกว่า ถ้าฝ่ายครูบา และพี่ชาย หรือสายบุญ มีหลักฐานตามที่กล่าวหาตน ก็ให้นำไปแจ้งความ ให้มีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายได้เลย และถ้าจะพิสูจน์ความจริง กล้าสาบานต่อพระแก้วมรกตหรือไม่ ส่วนตนพร้อมทุกเรื่อง เพราะมีหลักฐานชัดเจน



ส่วนเรื่องเงินที่สำรองจ่ายนั้น ครูบาจะจ่ายคืนเมื่อมีงานบุญได้รับเงินจากการทำบุญมาจ่ายคืนให้ รวมถึงเงินเจ็ดแสนกว่าบาทที่ครูบาให้มาก็เป็นเงินใช้หนี้ที่มาการสำรองจ่ายให้วัด และยังยืนยันว่า ทุกอย่างที่พูดคือความจริงที่มีหลักฐานยืนยัน



ทางด้านนางสาวคมคาย หรือบุ๋ม อายุ 43 ปี โยมสายบุญที่เป็นคู่หูกับอิคคิว กล่าวว่า ขอพูดเฉพาะเรื่องเงินที่สำรองจ่ายให้กับทางวัด ได้เก็บรวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งวัดเป็นหนี้ตนกับอิคคิวรวมทั้งหมด 1,300,000 ล้านบาท



โดยล่าสุดหลังเสร็จสิ้นการทอดกฐิน ทางวัดได้เงินมาเจ็ดแสนกว่าบาท ครูบาก็มอบเงินให้ โดยครูบาบอกว่าเป็นเงินใช้หนี้ ส่วนที่เหลืออีก 277,000 บาท ครูบารับปากว่าจะโอนจ่ายเข้าบัญชีธนาคารให้ จึงได้ให้เลขบัญชีธนาคารกับครูบาไปเรียบร้อยแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้คืน



ในส่วนของนายรัชพล อายุ 50 ปี พี่ชายของครูบาไก่ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับนางสาววาสนา หรืออิคคิว โยมสายบุญที่ออกมาแฉ ว่า ตนเองเป็นพี่ชายแท้ของครูบาไก่ ช่วงโควิดที่ผ่านมา ลูก ๆ หยุดเรียน การทำธุรกิจต่าง ๆ ชะงัก จึงได้เดินทางมาอยู่กับน้องชายที่วัดป่าแห่งนี้ ช่วยงานในวัดทุกอย่างเท่าที่ทำได้ กระทั่งได้มีสายบุญชื่ออิคคิวและบุ๋มเข้ามาทำบุญที่วัด และสนใจการสร้างวัตถุมงคล จึงได้มีการพูดคุยกัน และพูดคุยกัน ซึ่งครูบาไก่ไม่ขัดข้อง โดยอิคคิวและบุ๋มจะเป็นฝ่ายประสานงานกับโรงงาน และจ่ายเงินค่าสร้างวัตถุมงคลในทุกๆ รุ่น



“ยอมรับว่าอิคคิวและบุ๋มเข้ามาทำบุญที่วัดและสร้างวัตถุมงคล มีการจ่ายเงินสำรองล่วงหน้าเพราะทางวัดไม่มีทุน และเมื่อมีงานบุญ ขายวัตถุมงคลได้ จึงจะได้หักค่าใช้จ่ายคืนทั้งสองคน และทำเช่นนี้เรื่อยมา จนกระทั่งมีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นล่าสุดที่โรงงานส่งสินค้ามาให้ แต่ส่งมาไม่ครบ จึงถามสองคนนั้นไป แต่ไม่มีคำตอบ รวมทั้งมีคำครหาต่าง ๆ ตามมาถึงตนที่เป็นพี่ชายครูบาในทางที่ไม่ได้ จึงออกจากวัดไป เพราะเกรงจะทำให้ครูบาเสื่อมเสีย วัดเสียชื่อเสียง”



นายรัชพล กล่าวต่ออีกว่า ตนกลับบ้านไปดูแลครอบครัวประมาณ 1 ปี จึงทราบว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับครูบา ก่อนจะเป็นข่าว จึงรีบติดต่อกับน้องชาย ก็ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งครูบาบอกว่า ไม่ติดใจ ไม่อยากยุ่งกับทางโลกแล้ว ไม่เอาเรื่องใครใด ๆ ทั้งสิ้นและขอไปเข้าถ้ำ



เมื่อเดินทางถึงวัดในช่วงกลางคืนวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมาก็ไม่เจอครูบาแล้ว ซึ่งได้ทราบจากทางญาติโยมว่าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำ บอกลูกศิษย์ลูกหาไว้ว่าไม่อยากจะยุ่งเรื่องทางโลก ฝากให้ทางลูกศิษย์ลูกหาและทางวัดจัดการกันไป แต่เชื่อว่าในเร็ว ๆ นี้ ครูบาน่าจะกลับมา



ส่วนตัวของตนกับอิคคิวและบุ๋มไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน การขายวัตถุมงคลต่าง ๆ นั้นตนเองไม่ได้กำหนดราคา ไม่ได้ขอเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่ง ก็มีแค่พูดให้กันฟัง และแจ้งให้ครูบาทราบ เพราะโดยนิสัยน้อง ใครเสนออะไรมาก็เอาด้วยทั้งหมด ใครอยากทำบุญอะไรก็เปิดโอกาสให้ทำ



ส่วนเรื่องทางเพศหรือเรื่องชอบผู้ชายผู้หญิงนั้น ในฐานะพี่ชาย อยู่กับน้อง เห็นน้องตลอด ไม่เคยมีเรื่องหรือพฤติกรรมอะไรที่บ่งบอกไปว่าชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิง และไม่มีพฤติกรรมจะเบี่ยงเบนอะไร

คุณอาจสนใจ

Related News