อาชญากรรม

รอง ผบช.น.แจงคดีรถหรูชนบนทางด่วน เจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์แม่นยำกว่าเป่าลมหายใจ

โดย nattakarn_l

9 ม.ค. 2566

360 views

           ความคืบหน้ากรณีชายขับรถหรูชนรถปาเจโร่บนทางด่วน แล้วรถปาเจโร่ไปกระแทกกับรถดับเพลิงที่กำลังจะไปช่วยระงับเหตุเพลิงไหม้  ซึ่งหลังเกิดเหตุ คนขับรถหรู พาหญิงสาวเดินลงจากทางด่วน เรียกแท็กซี่เพื่อจะออกจากที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยตามมาเจอและคุมตัวไป สน.ทางด่วน 1 แต่คนขับก็ยังไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์  จนตำรวจต้องส่งไปตรวจเลือด ทำให้ผู้เสียหายคลางแคลงใจว่า จะส่งผลกระทบต่อข้อหาเมาแล้วขับหรือไม่ และผลตรวจเลือดอย่างเป็นทางการกว่าจะออกก็ประมาณวันที่ 1 ก.พ.นี้

            ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. (9 ม.ค.)  พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  แถลงว่า  พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับคนขับรถหรู  ในข้อหา ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นจนได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ  ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนรอผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดจากโรงพยาบาลตำรวจ  การตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานในเรื่องของการใช้ความเร็ว หากพบมีความผิดก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมทันที   ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย

           ส่วนประเด็นที่ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจเลือดแทนการเป่าแอลกอฮอล์นั้น เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บถูกของแข็งกระแทกหน้าอก ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ก่อเหตุบาดเจ็บอาจทำให้แรงลมจากการเป่าไม่แรงพอ ทำให้เครื่องวัดทำงานไม่เสถียร  รวมทั้งผู้ก่อเหตุยินยอมจะให้ตรวจเลือด ซึ่งจะยืนยันผลได้ชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนมองว่า เกิดความเสียหายค่อนข้างมาก ดังนั้นการตรวจเลือดและยืนยันผลจากแพทย์ น่าจะมีความแม่นยำในการดำเนินคดีในชั้นศาลได้อย่างชัดเจนมากกว่า  พร้อมยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ชัดเจนและโปร่งใส ตรวจสอบได้

         ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายกังวลว่า การเว้นระยะเวลานานจะทำให้มีผลต่อการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ ระบุว่า หลังเกิดเหตุใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น ในการส่งตัวไปตรวจเลือด ส่วนรายละเอียดว่าเจาะตรวจเลือดในเวลากี่โมงนั้น ต้องสอบถามไปยังโรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง คาดว่าจะทราบข้อมูลภายในวันพรุ่งนี้  แต่ยืนยันว่า การตรวจแอลกอฮอล์จากเลือด จะแสดงผลยาวนานกว่าตรวจจากลมหายใจ 

         พล.ต.ต.จิรสันต์ ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุยินยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ ซึ่งจะแตกต่างจากกรณีผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่ยอมตรวจแอลกอฮอล์ ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเมาแล้วขับ


          ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุจะขึ้นแท็กซี่หนี ให้กองบังคับการตำรวจจราจรตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของสังคม แต่ถ้าพบว่าเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีจริง ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งต้องตรวจสอบในรายละเอียดข้อเท็จจริงอีกครั้ง   

คุณอาจสนใจ

Related News