ตร.จราจร ยัน ทำตามขั้นตอนในการดำเนินการคดีรถหรูชนบนทางด่วน

พันตำรวจเอกณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 2 ศูนย์ควบคุมจราจร ทางด่วน/ทางพิเศษ กองบังคับการตำรวจจราจร ระบุถึงความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวว่าในส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับตัวผู้ขับขี่รถยนต์หรูในครั้งนี้

เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดสูงจะได้ค่าที่แม่นยำกว่าการเป่าด้วยลมหายใจ ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงว่าก่อนหน้านี้ทาง กองบัญชาการตำรวจนครบาลเคยมีการรณรงค์เกี่ยวกับการไม่เป่า =เมา และมีการตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานในคดีนี้ว่าไม่เป็นไปตามที่มีการรณรงค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ขอยืนยันว่า ตำรวจทำงานตามขั้นตอนทุกอย่างซึ่งการที่มีการพูดเรื่องการลดรณรงค์ว่าไม่เป่า = เบาแต่ในข้อเท็จจริงการไม่เป่าคือการไม่ยอมตรวจวัดใดๆ

ทั้งการเป่าซึ่งเป็นการตรวจวัดด้วยลมหายใจและการตรวจเลือดเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือด ไม่ใช่การเป่าด้วยลมหายใจเพียงอย่างเดียว ดังนั้นในเคสนี้พนักงานสอบสวนมีการส่งตัวไปทำการตรวจหาวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดซึ่งก็ถือว่าตัวผู้ขับขี่ก็ยอมรับเงื่อนไขในการตรวจวัดจึงยังเข้า เงื่อนไขในการแจ้งข้อหาเมาแล้วขับได้ทันที

ทั้งนี้การตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดยังสามารถตรวจสอบหาสารเสพติดในเส้นเลือดด้วยในเวลาเดียวกันซึ่งการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ด้วยการเป่าแบบลมหายใจ หรือการเป่าไม่สามารถตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องสารเสพติดได้หากกรณีนี้สมมุติว่ามีการเป่าที่สน. และปริมาณแอลกอฮอล์ไม่ถึงแต่สมมุติว่าผู้ขับขี่มีปริมาณยาเสพติดในเส้นเลือดก็ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ แต่การตรวจสอบวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดครอบคลุมทั้งสองประเด็น เพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง จึงต้องดำเนินการให้รัดกุมมากที่สุด

ส่วนเรื่องระยะเวลาที่มีการทิ้งไว้นานก่อนจะมีการส่งตัวไปตรวจสอบในประเด็นนี้จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านการตรวจสอบเมาแล้วขับและได้มีการพูดคุยกับทางแพทย์ผู้ทำการตรวจ ยืนยันว่าการตรวจหาวัดปริมาณแอลกอฮอล์โดยเส้นเลือดสามารถตรวจสอบย้อนหลังและสามารถเทียบระยะเวลาขณะเกิดเหตุได้