สังคม

เรียกร้องคืนความเป็นธรรม ให้กับจนท.กรมอุทยานฯ

โดย attayuth_b

3 ม.ค. 2566

297 views

ข่าว 3 มิติยังเกาะติดความคืบหน้าคดีที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถูกตำรวจปปป.และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จับพร้อมเงินสด โดยแจ้งข้อกล่าวหาเรียกรับสินบนแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งวันพรุ่งนี้ ทั้งตำรวจ และคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะเริ่มเชิญพยานปากสำคัญมาสอบสวน


ขณะที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อคืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานฯ ที่ถูกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายก่อนหน้านี้ ขณะที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันที่ประชุมกระทรวงวันนี้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็นหน้าที่การสอบสวน และพร้อมปกป้องข้าราชการ หากทำในสิ่งที่ถูกต้อง


หนึ่งในประเด็นสำคัญที่นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยในการประชุมเพื่อมอบนโยบายผุ้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานในระดับพื้นที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อเช้านี้ คือกรณี กรณีอธิบดีกรมอุทยานฯถูกตำรวจ ปปป.จับดำเนินคดีฐานเรียกรับสินบน


นายจตุพร กล่าวตอนหนึ่งว่า " ไม่ว่าท่านจะอยู่กรมไหน หน่วยงานไหนก็แล้วแต่ ขอยืนยันว่าผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี จนถึงระดับกรม เรายังมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนในการสอบสวน ก็ว่ากันไป ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก ขอให้เป็นบทเรียนที่สำคัญในการทำงาน ขอให้ตั้งใจทำงาน ยืนยันว่าพวกเราจะปกป้องดูแลท่านเต็มที่ แต่ต้องทำถูกต้องนะ ถ้าทำไม่ถูกต้องก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่คือนโยบายที่ชัดเจน"


พรุ่งนี้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เจ้าหน้าที่ผู้ร้องในคดีนี้ จะไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงฯ ต่อด้วยไปให้ปากคำตำรวจ ปปป. นับเป็นการให้ปากคำครั้งแรก หลังเหตุการณ์จับอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมข้อหาเรียกรับสิน โดยอ้างอิงถึงการเตรียมการตั้งแต่การออกคำสั่งข้าราชการ แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในกรม


ข่าว 3 มิติ ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่บางคน ตั้งข้อสังเกตุถึงบางกรณีเช่นกัน เช่นบัญชีแนบท้ายคำสั่ง เมื่อ 6 ตุลาคมที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่แห่งหนึ่ง มีคำสั่งให้ไปปฎิบัติราชการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์แห่งอื่น ตำแหน่ง ผอ.ส่วนอำนวยการ และทำหน้าที่หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า..อีกหน้าที่หนึ่ง


และปฎิบัติราชการกองคุ้มครองสัตว์ป่า..ทำหน้าที่หัวหน้าด้านตรวจสัตว์ป่า....อำเภอ..อีกหน้าที่หนึ่ง และทำหน้าที่หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่า..อีกหนึ่งอำเภอ ในจังหวัดเดียวกัน คำสั่งมีผล 1 ตุลาคม 65 สิ้นสุด 30 กันยายน 2566 จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ทำหน้าที่ ถึง 4 ตำแหน่ง ทั้งผอ.ส่วน หัวหน้าเขตห้ามล่า และหัวหน้าด่านตรวจอีก 2 แห่ง


อีกกรณีหนึ่งเช่น เจ้าหน้าที่นักวิชาการป่าไม้คนนี้ อยู่ในส่วนควบคุมและปฎิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์แห่งหนึ่ง มีคำสั่งให้ไปทำหน้าที่ ผอ.ส่วนจัดการต้นน้ำและหัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำอีกหน้าที่หนึ่ง..และหัวหน้าควบคุมสถานีไฟป่าอีกหน้าที่หนึ่ง


ข้อมูลนี้ไม่ได้หมายความว่าบุคคลในเอกสารนี้ มีความผิดหรือทุจริต แต่เจ้าหน้าที่ในกรมฯเห็นว่าผิดปกติ ที่คนๆเดียวมีหลายตำแหน่ง ทั้งระดับปฎิบัติจนถึงผู้อำนวยการส่วน ซึ่งคนในวงในเรียกว่า ตั้งเอง เซ็นเอง


มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยข้อมูลเปรียบเทียบอุทยานฯแห่งชาติ ที่มีการเปลี่ยนหัวหน้าในช่วงปี 2564-2565 ทั้ง 21 สำนัก ซึ่งเก็บข้อมูลระหว่าง 21 พ.ย. 64 ถึง 22 พ.ย.65 พบว่ามีการเปลี่ยนหัวหน้าถึง 80 คน จากจำนวน 134 คน หรือร้อยละ 60


สำนักที่มีการเปลี่ยนหัวหน้าอุทยาน ในระดับ 80-100เปอร์เซ็นต์ มี 5 แห่ง คือปราจีนบุรี สระบุรี สงขลา นครศรีธรรมราช และขอนแก่น สำนักที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย คือแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน


มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยังออกแถลงการณ์เรื่องคืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานฯ โดยส่งถึงนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับกระทรวง และถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ โดยระบุว่ากรณีอธิบดีกรมอุทยานฯ สะท้อนปัญหาในการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากร จึงเสนอให้คืนความเป็นธรรมให้บุคลากรที่ถูกแต่งตั้งโยกย้าย ระยะเร่งด่วน ระหว่างมกราคมถึงมีนาคมนี้ ให้คืนตำแหน่งที่ถูกโยกย้ายช่วงที่ผ่านมา และตั้งคณะกรรมการพิจารณาบุคลการตามระบบ


ระยะที่ 2 เมษายน ถึงตุลาคม ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวข้อง ปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในกรม ให้เกิดประสิทธิภาพในหลายด้านทั้งงบประมาณ รายได้ และให้ความสำคัญกับงานภาคสนามและสุดท้ายคือผู้บริหารกรม ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ ที่สรรหาคนมีความสามารถ โปร่งใส ให้สาธารณชนตรวจสอบได้ เป็นต้น

คุณอาจสนใจ

Related News