อาชญากรรม

อัยการสูงสุดเตรียมแจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าว พร้อมประสานอายัดทรัพย์เพิ่ม

โดย nattakarn_l

26 ธ.ค. 2565

103 views

          นายกุลธนิต  มงคลสวัสดิ์  อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายโกศลวัฒน์  อินทุจันทร์ยง  รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  แถลงความคืบหน้าการสืบสวนคดีของนายตู้ห่าว หลังอัยการสูงสุดรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และคดีอาชญากรรมข้ามชาติ  ว่าได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการการสอบสวนขึ้น  เพื่อร่วมมือสืบสวนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทันกรอบเวลากำหนดฝากขังผู้ต้องหา ครั้งที่ 6 คือภายในวันที่ 8 มกราคม 2566

           โดยนายกุลธนิต  ยืนยันว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน  และการสอบสวนยังไม่เสร็จ  แต่ก็มีพยานหลักฐานมากพอที่จะออกหมายจับเพิ่ม 15 รายไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยเป็นผู้ต้องหา 2 กลุ่ม คือ กลุ่มร่วมกันฟอกเงิน และกลุ่มร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  โดยล่าสุดจับกุมได้ 10 ราย  และแจ้งข้อหาแตกต่างกันไปตามความผิดแต่ละคน เช่น สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด  อันเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม , ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต,  สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน , และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ  

           ดังนั้น ยืนยันว่า คดีนี้มีหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ  และสำนักงานสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจรับผิดชอบ โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนของตำรวจ เป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหลักฐานบางชิ้นอยู่ต่างประเทศ  ก็จะมีขั้นตอนในการประสานขอความร่วมมือไปยังประเทศนั้นๆ  เพื่อให้ส่งพยานหลักฐานกลับมาประกอบในสำนวน ส่วนนายตู้ห่าว ก็ยืนยันว่า ขณะนี้พนักงานอัยการมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า  นายตู้ห่าวกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และเตรียมจะไปแจ้งข้อหานายตู้ห่าวเพิ่มเติมที่เรือนจำภายใน 1-2 วันนี้  และเนื่องจากความผิดเดิมของนายตู้ห่าว  คดียาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน  อัยการก็ได้แจ้งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้ตรวจสอบทรัพย์สิน  เพื่อยื่นริบอายัดทรัพย์นายตู้ห่าวแล้ว   และหากพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำความผิดรายอื่น  ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ทันที

            อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน  ยังฝากเตือนว่า  บุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารที่อาจส่งผลกระทบต่อรูปคดี  ตามกฎหมายแล้วอาจเข้าข่ายความผิดฐานขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวนได้  

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าววันนี้ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะต้องมาร่วมแถลงข่าวกับอัยการด้วย  แต่เมื่อมาถึง กลับถอนตัวกระทัน ก่อนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าว   คาดว่าเพื่อลดการเผชิญหน้า  เนื่องจากกำลังตกเป็นประเด็นที่ถูกนายชูวิทย์กล่าวหา

            โดยนายชูวิทย์ได้ฟังการแถลงข่าวของอัยการสูงสุด ก่อนจะตั้งคำถามในช่วงท้ายของการแถลง  เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ  และการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีปัญหา   ซึ่งนายกุลธนิต ตอบว่า อัยการไม่ได้รับสำนวนจากตำรวจมาเพียงอย่างเดียว  แต่ยังได้ตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อความถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อคลี่คลายประเด็นสงสัยต่างๆ แล้ว  และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในอีกหลายส่วน  ซึ่งปัจจุบันมีพยานมากกว่า 100 ปาก และมีการออกหมายจับเพิ่มเติมนอกเหนือจากสำนวนแรก  ดังนั้นจึงยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนต่อเนื่อง  ขอให้ทุกคนมั่นใจในการทำงาน

           นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า  ที่ตนเองออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้หิวแสง และไม่ได้หวังผลทางการเมือง  รวมทั้งจะเรียกร้องงานนี้เป็นงานสุดท้าย  โดยใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชน  เพราะแม้อัยการจะมีความสามารถ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และอำนาจ  ก็อาจทำให้แก้ปัญหาสำนวนคดีนี้ไม่ได้  พร้อมชี้ว่าหน่วยงานของรัฐที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ก็คือ หน่วยงานของตำรวจ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหว จะดำรงตำแหน่งต่อไปทำไม หากไม่ทำประโยชน์ เมื่อคดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็ควรจะออกมาพูดบ้าง อย่ามัวแต่หาเสียง  

คุณอาจสนใจ

Related News