อาชญากรรม

พริตตี้สาวร้องถูกทีมงานชายมอมยาพาเข้าโรงแรมทำอนาจาร แจ้งตำรวจนานเป็นเดือน แต่คดีไม่คืบหน้า

โดย nattakarn_l

16 ธ.ค. 2565

268 views

             กรณีนางสาวพลอย อายุ 24 ปี พริตตี้สาว ขอความช่วยเหลือจากทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดี  หลังจากที่เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา นางสาวพลอยร่วมงานกินเลี้ยงฉลองจบงาน  แล้วถูกนายฟ๊ะ ซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดหาสาวพริตตี้และสาวเอ็มซี ลวงไปเข้าโรงแรมและกระทำอนาจาร  โดยที่นางสาวพลอยยังอยู่ในอาการมึนเมา ซึ่งเจ้าตัวคาดว่าน่าจะถูกมอมยา  ไม่ได้เกิดจากการเมาเหล้า   ซึ่งหลังเกิดเหตุ ไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าวแล้ว แต่เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาขอความช่วยเหลือจากทนาย

             นางสาวพลอย  ผู้เสียหาย เล่าว่า  ตนเองรับงานฟรีแลนซ์  และในวันเกิดเหตุ รับงานแจกเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งได้เรตแค่ 800 บาท  ทำงานช่วงเวลา 8.00 น. และ 16.00 น. ซึ่งในวันนั้น มีการเปลี่ยนทีมงานคนดูแลทั้งหมด จึงพบกับนายฟ๊ะ ผู้ก่อเหตุเป็นครั้งแรก   จนกระทั่งจบงานช่วงค่ำ ประมาณ 20.00 น. ทีมงานไปกินเลี้ยงสังสรรค์กันต่อ จึงนัดหมายเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยมหาดไทย แถวลาดพร้าว  ผู้เสียหายสั่งเหล้าปั่นมาดื่ม และในวงก็มีกลุ่มเพื่อนนั่งอยู่ด้วยกัน  แต่หลังดื่มเหล้าปั่นไปไม่นาน นางสาวเบนซ์ เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ชวนไปเข้าห้องน้ำ  หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จก็กลับมานั่งที่โต๊ะต่อ และเริ่มมีอาการเมาผิดปกติ  ซึ่งไม่รู้ว่า ระหว่างที่ลุกไปเข้าห้องน้ำนั้น มีการหยอดยาหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในโถเหล้าหรือไม่

            เมื่อตนรู้สึกเมาหนัก จึงบอกเพื่อนๆ ว่าจะขอกลับบ้าน ซึ่งเพื่อนที่ขับรถมา อาสาจะพาไปส่ง แต่นายฟะผู้ก่อเหตุ ตะโกนขึ้นมาว่า “ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง”  หลังจากนั้นนายฟะและนางสาวเบนซ์ จึงพาเธอนั่งรถจักรยานยนต์ซ้อน 3 ออกจากร้าน โดยบอกว่าจะไปส่งที่หอ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้สติแล้ว  และคิดว่ามีเพื่อนอยู่ด้วย จึงไว้ใจนอนหลับไป  แต่เมื่อตื่นขึ้นมา กลับพบว่าอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว 130 มีเพียงนายฟ๊ะ อยู่ในห้องกับตน พยายามทำอนาจาร ตนพยายามขัดขืน และออกอุบายเพื่อหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความและโลเคชั่นไปบอกเพื่อนให้มารับ แต่นายฟ๊ะกลับพูดว่า ลงมือทำอนาจารตอนที่เธอหลับไปแล้วครั้งหนึ่ง   เธอจึงพยายามาหาทางออกจากห้อง และวันถัดไปก็ไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว และตรวจร่างกายว่าถูกอนาจารหรือไม่ และมีสารแปลกปลอมหรือไม่  ซึ่งที่ผ่านมา เธอต้องติดตามหาหลักฐานเอง เช่น กล้องวงจรปิด แต่คดีไม่คืบหน้า สอบถามพนักงานสอบสวนแล้ว บอกว่า ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหายังไม่มาพบพนักงานสอบสวน จึงยังแจ้งข้อหาไม่ได้ จนต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์

           ผู้เสียหายบอกว่า ตอนนี้นายฟ๊ะยังลอยนวลและยังไปพบเธอตามงานต่างๆ มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม จนทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว  จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุโดยเร็ว

              ด้านทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า  จึงพานางสาวพลอยไปสอบถามกับพนักงานสอบสวนที่ สน.ลาดพร้าว  เพื่อเร่งรัดให้ดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจาร และข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เพราะในวันเกิดเหตุนั้นผู้ก่อเหตุทำให้สร้อยคอของผู้เสียหายขาด  นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานข้อความแชทที่ส่งมาหลังเกิดเหตุ  และมีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับการเปิดใช้บริการห้องพักภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว 130  ซึ่งสามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นห้องที่เกิดเหตุและถูกทำอนาจารจริง  เบื้องต้นจากการกระทำของนายฟ๊ะ สามารถเข้าข่ายและเอาผิดในข้อหากระทำอนาจารได้  แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานอื่น ส่วนข้อกล่าวหาอื่นโดยเฉพาะเรื่องของการมอมยา  ต้องรอดูผลตรวจร่างกาย แต่ก็มีกังวลใจเล็กน้อย ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงกลางคืน แต่ไปแจ้งความช่วงค่ำอีกวัน และมีการส่งตรวจหลังจากนั้น กลัวว่าสารแปลกปลอมจะมีการตรวจไม่เจอหรือไม่



           ด้านนายฟ๊ะ ผู้ถูกกล่าวหา  ยืนยันว่า รู้จักกับนางสาวพลอยมานานตั้งแต่กลางปี   นางสาวพลอยยังเคยมานั่งเล่นที่บ้านในเวลากลางคืน เคยมารับนายฟ๊ะออกไปทำงานด้วยกัน  และนางสาวพลอยก็รู้จักพูดคุยกับภรรยาตนด้วย  ส่วนวันที่เกิดเหตุ เห็นว่านางสาวพลอยดื่มเหล้าจนเมา จึงห้ามไม่ให้ดื่มต่อและอาสาพาไปส่ง แต่เนื่องจากหอพักของเพื่อนนางสาวพลอยอยู่ไกล และมีด่าน ประกอบกับนางสาวพลอยเมาไม่ได้สติ จึงไปเปิดโรงแรม โดยที่นางสาวเบนซ์ก็อยู่ด้วยสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับไปก่อน   ส่วนนายฟ๊ะ ก็นั่งเฝ้านางสาวพลอยโดยไม่ได้แตะต้องตัวหรือข่มขืน  จนกระทั่งเพื่อนของนางสาวพลอยขับรถเก๋งมารับ  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง  หลังเกิดเหตุนางสาวพลอยติดต่อมาเรียกค่าเสียหาย 10,000 บาท ก็คิดว่าอำกันเล่น จึงตอบแชทแบบเล่นๆ กลับไป   จึงอยากฝากถึงนางสาวพลอยให้คิดถึงอนาคตที่ยังต้องทำงานและอาจจะได้วนเวียนเจอกันอีก พอเกิดเรื่องแบบนี้ในวงการออแกไนซ์หรืออีเวนท์ ก็จะเสียหายทั้งคู่

คุณอาจสนใจ

Related News